นายกฯ เศรษฐา สั่งระดมสายการบินพาณิชย์ในไทย อพยพคนไทยในอิสราเอล ให้เร็วที่สุด สถานการณ์แย่ลง รายงานล่าสุดเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็น 21 ราย คนไทยกลุ่มแรก 15 คนขึ้นเครื่องได้แล้ว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า ได้รับรายงานล่าสุด มีแรงงานไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย (ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มจากที่กระทรวงการต่างประเทศ ระบุเมื่อวานนี้จาก 20 ราย เป็น 21 ราย)
นายกฯ ระบุว่า เรามีความพยายามที่จะหาช่องทางอื่นในการอพยพ ทางเรือซึ่งน่าจะดีที่สุด แต่ท่าเรือต้องผ่านฉนวนกาซา ซึ่งน่าจะลำบาก อีกทางคือทางรถยนต์ผ่านประเทศจอร์แดน พยายามดูแลอยู่
นอกจากบุคลากรของกระทรวงการต่างประเทศแล้ว จะมีการส่งบุคลากรจากหน่วยงานรัฐอื่นที่มีความชำนาญเรื่องอพยพ แต่ขอไม่เปิดเผยว่าเป็นหน่วยงานใดเข้าไป เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้มีการเคลื่อนย้ายออกมาได้รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด
สำหรับความคืบหน้า คนไทยกลุ่มแรก 15 คน ได้รับรายงานล่าสุดว่า ทั้งหมดสามารถขึ้นเครื่องบิน และออกจากกรุงเทลอาวีฟ เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิได้แล้วในเช้าวันนี้
ระหว่างที่อยู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายเศรษฐา ได้เปิดเผยว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ได้โทรศัพท์มาหารือว่า มีแรงงานไทยที่อิสราเอลและในพื้นที่ใกล้เคียงประมาณ 5,000 กว่าคน แสดงเจตจำนงที่จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยต้องยอมรับว่าสถานการณ์แย่ ทางนางพรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งว่า มีจรวดยิงกันตลอดเวลา
การจราจรในประเทศอิสราเอล ถนนก็ปิดหลายสาย ดังนั้นทางเดียวที่สามารถเดินทางได้ต้องอาศัยรถทหาร โดยพล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ประสานกองทัพอิสราเอล เพื่อขอให้ช่วยใช้รถของทหารลำเลียงคนของเราเข้ามายังสถานทูต แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ขณะนี้สถานการณ์เลวร้ายลงไป ดังนั้นเราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะอพยพคน 5,000 คน ให้ได้ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด
[ระดมสายการบินพาณิชย์ของไทยเตรียมไปรับคนไทย]
แต่มีอยู่ 2-3 ปัญหาใหญ่ คือ ต้องมีเครื่องบินเพียงพอ โดยได้ประสาน แอร์เอเชีย ที่จะสามารถให้เครื่องบินได้ 2 ลำ หรือมากกว่า และทางนกแอร์ ก็จะมีอย่างน้อย 2 ลำ และการบินไทยก็อยู่ระหว่างการพิจารณา ตอนนี้พยายามนำเครื่องบินมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อบินเข้ามา และรับออกจากอิสราเอลเพื่อไปจอดยังประเทศข้างเคียง และกลับไปรับใหม่ เพื่อทำให้คนที่ออกจากประเทศอิสราเอลให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปัญหาที่ตามมาคือไม่แน่ใจว่า น่านฟ้าจะเปิดนานเท่าไหร่ ปัญหาที่ 3 คือการลำเลียงคนเข้ามาถึงสนามบินนั้นจะสามารถลำเลียงเข้ามาได้มากน้อยขนาดไหน เพราะหากเครื่องบินไปจอดไว้ แต่ไม่สามารถนำคนเข้ามาได้ก็จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่เตรียมพร้อมไว้ ถ้าคนมาแล้ว แต่ไม่มีเครื่องบิน ก็จะเสียโอกาสไป เพราะมีโอกาสที่น่านฟ้าจะปิดได้ในเร็ววันนี้ ดังนั้นการปฎิบัติการเราต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะต้องเตรียมพร้อมและอาจจะต้องบินเข้าไปก่อน และเข้าไปเสี่ยงว่าจะสามารถนำประชาชนคนไทยออกมาได้หรือไม่
เครื่องบินพาณิชย์ ยอมรับว่า มีค่าใช้จ่ายแต่เขาระบุว่าจะคิดแค่ค่าน้ำมัน แต่ย้ำว่าค่าใช้จ่ายนั้นถือเป็นเรื่องรอง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย และนี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด มีความเสี่ยง ขณะนี้ทุกคนยังปลอดภัยอยู่ แต่จะทำอย่างไร ให้ทั้ง 5,000 คน มาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนที่จะอพยพกลับเมืองไทย แต่หากอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วเครื่องบินไม่มารับ ก็จะมีปัญหาอีก หรือหากเครื่องบินมาแล้วไม่สามารถขึ้นลงได้ก็มีปัญหาอีก ทั้งนี้รัฐบาลมีความพร้อมที่จะนำเครื่องบินมาให้ได้เยอะที่สุด ซึ่งสามารถออกได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องให้มั่นใจว่า เมื่อไปถึงแล้วคนไทยพร้อมที่จะออกมา เพราะการเดินทางในอิสราเอลนั้น สามารถใช้ได้เฉพาะรถทหารเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า แนวโน้มคนไทยที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับมีมากขึ้นเรื่อยเรื่อย เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์เลวร้ายลงไป ส่วนเครื่องบินของรัฐนั้นก็มีอยู่ 5 ลำ ขนได้ 450-500 คนต่อเที่ยว ดังนั้นเตรียมไว้ 9 ลำหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าอาจจะมีมากกว่านั้น เพราะขนาดนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยังเจรจาอยู่ และยืนยันว่า เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นเป็นเรื่องรอง เท่าไหร่ก็จ่ายเท่าไหร่ก็ต้องออกไปให้ได้ เพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด หากน่านฟ้าเปิดตลอด และสถานการณ์ลดความรุนแรงลง ก็ยังมีความหวัง แต่ถ้าเราเสี่ยงไม่ได้ ตรงนี้อาจจะต้องเตรียมเครื่องบินให้เยอะกว่านั้น จะได้อพยพคนไทยกลับมาปลอดภัยได้เร็วที่สุด
คนไทยในอิสราเอล ขอกลับเพิ่มเป็น 5,174 คน-ก.แรงงาน จ่ายเงินเบื้องต้น คนละ 15,000 บาท










