ศาลฎีกาสั่ง ‘อนุรักษ์’ ส.ส.เพื่อไทย หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังรับคำร้องปมเรียกรับเงิน 5 ล้าน

ศาลฎีกาสั่ง ‘อนุรักษ์’ ส.ส.เพื่อไทย หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังรับคำร้องปมเรียกรับเงิน 5 ล้าน

การเมือง

ศาลฎีการับคำร้อง”อนุรักษ์” ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน กรณี ป.ป.ช.ยื่นคำร้องให้พิจารณาหลังชี้มูลความผิดฝ่าฝืนจริยธรรม เรียกรับเงิน 5 ล้าน จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นัดพิจารณาครั้งแรก 10 ก.พ.65

วันที่ 16 ธ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 4/2564 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง กับ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ผู้คัดค้าน เรื่อง การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีการเรียกรับเงินจำนวน 5 ล้านบาท ของนายอนุรักษ์ จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณ ซึ่ง ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายอนุรักษ์ไปก่อนหน้านี้

คดีนี้ ป ป.ช.ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า นายอนุรักษ์ ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้องจนกว่าจะมีคำพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน มีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 235 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 7, 8, 9 และ 27

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว เห็นว่า คำร้องของผู้ร้องบรรยายพฤติการณ์ที่กล่าวหา พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ และผู้ร้องดำเนินการตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ.2561 ครบถ้วนแล้ว จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา

ดังนั้น เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้วและมิได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผู้คัดค้านย่อมต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 235 วรรคสาม และนัดพิจารณาครั้งแรกเพื่อตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 10 ก.พ.2565 เวลา 09.30 น.

สำหรับกรณีดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวในที่ประชุมอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่มีการประชุมพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2 กรม คือ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำ ว่ามีอนุกรรมาธิการ บางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณ

โดย ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการไต่สวน นายอนุรักษ์ และ นางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ โดยจากการไต่สวน นายศักดิ์ดาให้ข้อมูลว่า นายอนุรักษ์ ได้เรียกรับเงินทางโทรศัพท์ โดยมี นางนันทนา เป็นผู้โทรศัพท์ประสานงาน จากการไต่สวนและการเช็คข้อมูลจากโทรศัพท์ ช่วงระยะเวลาที่มีการโทร จึงเชื่อได้ว่า นายอนุรักษ์ ได้มีการเรียกรับเงินจากนายศักดิ์ดาจริง ผิดมาตรฐานจริยธรรม ป.ป.ช.จึงยื่นคำร้องไปยังศาลฎีกาโดยตรง ส่วนคดีอาญาจะยื่นคำร้องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป ส่วนข้อกล่าวหา นางนันทนา ไม่มีมูลว่าเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินดังกล่าว

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง