‘อรรถวิชช์’ ยันพรรคกล้ายังไปต่อไม่ควบรวม ‘ชาติพัฒนา’ ติดข้อ กม. ย้ำ ‘กรณ์’ ไม่ใช่คนทิ้งเพื่อน

‘อรรถวิชช์’ ยันท่าทีพรรคกล้ายังทำต่อ สิ้นเดือนนี้ประชุมใหญ่จะมีความชัดเจน ย้ำ ‘กรณ์’ ลาออกอย่างตรงไปตรงมา เป็นคนไม่ทิ้งเพื่อน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า แถลงถึงกรณีนายกรณ์ จาติกวณิช ไปร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนาว่า รู้จักนายกรณ์มานานว่าเป็นคนมีความมุ่งมั่น มีความคิดอยากเห็นการเมืองที่ดีขึ้น และยังมุ่งมั่นทำสิ่งนั่นอยู่ ซึ่งนายกรณ์และพี่ๆ น้องๆ ที่พรรคกล้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน นายกรณ์เลือกทำอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมาย คือลาออกจากพรรคและไปสมัครพรรคใหม่โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ตามไปด้วย 

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วยังต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการพรรคกล้า จัดประชุมใหญ่ในเดือนนี้ให้เสร็จ ขณะที่พรรคชาติพัฒนา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะกฎหมายพรรคการเมืองระบุไว้ชัดเจน 

“ที่ผ่านมา พรรคกล้ามุ่งเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาพลังงานน้ำมันแพง ค่าไฟแพง และการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน 13 ล้านบัญชี รวมถึงการเข้าชื่อเสนอกฎหมายร่วมกับภาคประชาชนยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะได้เข้าสู่การพิจารณาของสภาในสัปดาห์นี้แล้ว ต้องรอติดตาม” นายอรรถวิชช์ กล่าว

ส่วนที่คาดการณ์ว่านายอรรถวิชช์ และผู้บริหารคนอื่น จะทยอยลาออกและไปสังกัดพรรคชาติพัฒนา แล้วจึงมีการปรับโครงสร้าง ปรับแบรนด์ดิ้ง ภายหลัง นายอรรถวิชช์ กล่าวสั้นๆ ว่า วันนี้ยังรักษาการในตำแหน่งเลขาธิการพรรคกล้า จะไปแทรกแซงเรื่องพรรคอื่นไม่ได้ ยังมีงานที่ยังค้างอยู่ 

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวด้วยว่า เรายังมีอุดมการณ์เหมือนเดิม ความสำคัญของพรรคการเมืองคือคน วิญญาณของความกล้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่ต้องเข้าใจว่ากฎหมายไม่ได้เปิดทางให้พรรคการเมืองควบรวม พรรคกล้ายังคงเป็นพรรคกล้าอยู่ พี่น้องทุกคนที่นี้ยืนยันนายกรณ์ไม่ใช่คนทิ้งเพื่อน และทุกการเปลี่ยนแปลงมีผลทั้งนั้น เรายืนยันตามความตั้งใจเดิม พวกเราเข้มแข็งขึ้นแน่นอน เราทำอย่างตรงไปตรงมา ตามทุกขั้นตอนของกฎหมายสิ้นเดือนนี้จะชัดเจน 

ส่วนกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ จะไปยื่น กกต. ให้สอบสวนกรณีพรรคชาติพัฒนา ครอบงำและแทรกแซงพรรคกล้า พร้อมให้ยุบพรรคชาติพัฒนานั้น อรรถวิชช์ บอกว่า นายศรีสุวรรณไม่เข้าใจข้อกฎหมาย เพราะนายกรณ์ ได้ยื่นลาออกจากพรรคกล้า ก่อนไปร่วมแถลงข่าวกับนายสุวัจน์ แล้ว และนายกรณ์ก็ย้ำว่ามาในฐานะส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค ดังนั้นจึงไม่ใช่การครอบงำแทรกแซง