คณะกรรมการจริยธรรม สภาฯ ตีตกคำร้องปม ทวิรัฐ-ภริม 2 ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เสียบบัตรแทนกัน ชี้สถานที่ไม่เอื้ออำนวย

วันที่ 5 เม.ย. 2565 ผลการพิจารณา ของคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน กรณีเรื่องร้องเรียน นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ และนางสาวภริม พูลเจริญ กรณีการเสียบบัตรแทนกันในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2563 สรุปได้ดังนี้
คณะกรรมการฯ เห็นว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มีการประชุมระหว่างวันที่ 8-11 ม.ค. 2563 เป็นช่วงเวลาที่รัฐสภายังดำเนินการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ทำให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงนั้นต้องใช้ห้องประชุมจันทรา (ห้องประชุมวุฒิสภา) เป็นการชั่วคราว รองรับได้จำนวน 250 คน ซึ่งห้องประชุมมีที่นั่ง 315 ที่นั่ง ช่องเสียบบัตรลงคะแนน 300 ช่อง เมื่อสภาผู้แทนราษฎร มาใช้ห้องประชุมจึงต้องใช้เก้าอี้เสริมให้มีที่นั่งครบ 500 ที่นั่ง
เมื่อประธานในประชุม ให้สมาชิกแสดงตนเพื่อตรวจสอบองค์ประชุมและลงมติ นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ จึงได้ให้ น.ส.ภริม พูลเจริญ กดบัตรเพื่อแสดงตนและออกเสียงตามเจตนารมณ์ของตน เนื่องจากไม่สามารถเอื้อมลงมาเสียบบัตรและกดปุ่มเองได้ เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อันสืบเนื่องมาจากสถานที่การประชุมไม่เอื้ออำนวย โดยมีจำนวนที่นั่งและช่องเสียบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (ช่องเสียบบัตรลงคะแนน) ไม่เพียงพอต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
กรณีดังกล่าวจึงเห็นว่า นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ กระทำไปด้วยความจำเป็นอันเนื่องมาจากข้อจำกัดของห้องประชุม คณะกรรมการฯ จึงเห็นว่า การกระทำของนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ไม่มีมูลเพียงพอ ที่จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563
ส่วนกรณีของน.ส.ภริม แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า น.ส.ภริม กดบัตรให้นายทวิรัฐ ในการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เนื่องจากขณะนั้นนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ เดินมายืนตรงหน้าที่น.ส.ภริมนั่งอยู่ แต่เอื้อมลงมาเสียบบัตรและกดปุ่มเองไม่ได้ แต่เมื่อการออกเสียงลงคะแนนดังกล่าวเป็นไปตามเจตนารมณ์และความประสงค์โดยแท้ของนายทวิรัฐ ประกอบกับสภาพข้อเท็จจริงของห้องประชุม ที่สภาผู้แทนราษฎร ใช้ในขณะนั้นเป็นห้องประชุมชั่วคราว จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำด้วยความจำเป็นและไม่มีเจตนาที่จะกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 แต่อย่างใด
คณะกรรมการฯ จึงเห็นว่า การกระทำของ น.ส.ภริมไม่มีมูลเพียงพอที่จะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนเช่นกัน จึงมีมติไม่รับเรื่องร้องเรียนในส่วนของนายทวิรัฐ และน.ส.ภริม ไว้พิจารณาและให้จำหน่ายเรื่องร้องเรียน










