‘ชลน่าน’ เตือน ‘ประยุทธ์’ อย่าคิดอยู่ยาว เสี่ยงประชาชนลุกฮือขับไล่ ขอสละเก้าอี้ก่อน 23 สิงหา เลี่ยงก่อวิกฤตการเมือง ‘ทิพานัน’ วอน พท. หยุดปั่นกระแส 8 ปี นายกฯ ทำสังคมสับสน ย้ำปัญหากฎหมายให้ศาล รธน. ตัดสิน เผย นายกฯ จัดเอเปคมีแผนดำเนินงานล่วงหน้า ไม่ใช่ข้ออ้างดำรงตำแหน่งต่อ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวระหว่างร่วมเวที ‘อนาคตประเทศไทย บนเส้นทางประชาธิปไตย’ โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรประจำปี 2565 ว่า ในวันที่ 23 ส.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ดังนั้นจึงเป็นวาระสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะตัองตัดสินใจใน 3 ทางเลือกสำคัญ คือ 1. พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจออกไปด้วยตัวเอง ด้วยมโนธรรมสำนึกความรับผิดชอบ 2. พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกตามอำนาจกฎหมาย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และ 3. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกไปด้วยอำนาจประชาชน ซึ่งอาจเกิดการขับไล่ และพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่แผ่นดินอยู่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจประกาศสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง เสียก่อนที่จะถึงวันที่ 23 ส.ค.นี้ เกียรติยศเกียรติภูมิของนายกรัฐมนตรีไทยจะยังได้รับการยกย่อง ซึ่งอาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสังคมไทยและสังคมโลกได้อย่างภาคภูมิ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประเทศ เพราะจะช่วยลดความอึมครึมไม่ชัดเจนในทางการเมือง และที่สำคัญ คือเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ คิดที่จะอยู่ยาวก็จะเกิดการผูกขาดการใช้อำนาจทางการเมือง ซึ่งจะก่อวิกฤตทางการเมืองขึ้นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ดังนั้นวันนี้เราจึงจำเป็นจะต้องหาทางออกให้ประเทศร่วมกัน แล้วช่วยกันส่งสัญญาณโดยตรงไปถึงพล.อ.ประยุทธ์
วอนเพื่อไทยหยุดปั่นกระแส 8 ปี นายกฯ ทำสังคมสับสน
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวหานายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้ช่องให้นายกรัฐมนตรีอยู่รักษาการต่อไปว่า สิ่งที่นายวิษณุได้ชี้แจงเป็นการตอบคำถามของนักข่าวตามหลักกฎหมายและอธิบายกฎหมายให้เข้าใจได้ง่าย ส่วนที่นายสมคิดเองเออเองว่าเป็นการชี้ช่องนั้น อาจเป็นเพราะคำตอบตามหลักกฎหมายนั้นไม่ถูกใจนายสมคิดจึงแสดงความไม่พอใจในคำตอบและบิดเบือนความเห็นทางกฎหมายให้สังคมกังขาการรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“การปั่นกระแสสังคมที่อยู่เกิน 8 ปีไม่ได้ ในห้วงเวลานี้ เป็นปัญหาที่ต้องไปตีความตัวบทกฎหมาย ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นองค์กรอิสระและมีหน้าที่วินิจฉัย ไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส.เพื่อไทยหรือฝ่ายใดที่จะวินิจฉัยตีความให้สังคมสับสน” น.ส. ทิพานัน กล่าว
น.ส. ทิพานัน กล่าวต่อว่า ส่วนที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องฟังคำวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายจากศาลรัฐธรรมนูญนั้น แสดงให้เห็นว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการเคารพกระบวนการยุติธรรมอย่างนั้นหรือ ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ที่มีอดีตหัวหน้าพรรค ทั้งนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ละเมิดกระบวนการยุติธรรม เช่น กรณีพยายามติดสินบนตุลาการรวมถึงหลบหนีการดำเนินคดีและการลงโทษคดีทุจริตต่างๆ โดยไม่เคารพกฎหมายใช่หรือไม่
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ส่วนการจัดการประชุมเอเปคนั้น เป็นวาระล่วงหน้าที่วางแผนไว้ตามกำหนดและอยู่ในวาระของรัฐบาลตามปกติ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นงานประชุมดังกล่าวท่านนายกรัฐมนตรีตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะเป็นเวทีที่สร้างโอกาสและรายได้ให้กับคนไทยและแสดงศักยภาพขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศชาติที่จะดึงดูดนักลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ คนไทยทุกคนกำลังรอคอยโอกาสนี้ร่วมกันที่จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำประเทศต่างๆ และยังเป็นโอกาสที่จะลบภาพจำอันเลวร้ายที่กลุ่ม นปช. เคยทำลายชื่อเสียงของประเทศชาติโดยการขัดขวางการประชุมอาเซียนเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา” น.ส. ทิพานัน กล่าว
