ผู้นำฝ่ายค้าน ยืนยันไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 66 ชี้รัฐบาลบริหารงานล้มเหลว ส่อเอื้อผลประโยชน์ ขอทางออกเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ
วันที่ 31 พ.ค. 2565 ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เริ่มอภิปรายเป็นคนแรก ระบุว่า จะไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 เนื่องจากไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้บริหารงบประมาณ เนื่องจากการบริหารประเทศที่ผ่านมาพบความล้มเหลวในการบริหาร ทำประชาชนจน ทิ้งมรดกหนี้ไว้ให้ประชาชน ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน และหนี้เสีย ดังนั้นเมื่อรัฐบาลที่ล้มเหลวจะขอสภาฯ ให้อนุมัติงบประมาณ 3.185 ล้านล้านบาท และต้องกู้เพิ่มอีก 6.95 แสนล้านบาท ถือเป็นบทพิสูจน์ว่า การบริหารงานไร้ความสามารถ และอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศในอนาคต รวมถึงจะทำให้ประชาชนขาดความหวัง และประเทศเผชิญวิกฤต การบริหารประเทศ ตลอด 8 ปี ของผู้นำปัจจุบัน ทำให้ประเทศถึงจุดเสื่อมและทรุดที่สุด ทางออกคือ ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 จัดสรรแบบเจอทางตัน และเป็นงบสิ้นหวังทุกหน้ากระดาษ นอกจากนั้นยังพบว่าเป็นงบส่อเอื้อประโยชน์ งบส่อโกง โดยดูจากงบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้ง กระทรวงคมนาคม ทางหลวง ทางหลวงชนบท รวมถึงเงินบูรณาการและโลจิสติกส์ แม้ว่าประเทศมีความจำเป็นต่อโครงสร้างพื้นฐาน แต่การจัดสรรงบเป็นงบประมาณถูกเรียกค่าไถ่ พรรคแกนนำรัฐบาลถูกพรรคร่วมรัฐบาลเรียกค่าไถ่ การจัดตั้งรัฐบาลมีแนวนี้ตลอด ไม่ให้ไม่ร่วมหากไม่จัดงบให้ ก็ไม่อยู่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เมื่อพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 ประชาชนจะได้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ที่จัดใหม่โดยพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ยืนยันว่าต้องการให้ตกไป ไม่ต้องการให้แก้ไขในชั้นกรรมาธิการ เพราะไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากปรับแก้ไขทำไม่ได้ แม้ลดได้ต้องนำไปจัดสรรที่งบกลาง ทำให้ถูกมองว่าส่งเสริมให้นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถจัดสรรเพื่อแก้ปัญหาในจังหวัดต่างๆ ได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 144 บัญญัติเป็นข้อห้ามให้ ส.ส.แปรญัตติ ทั้งนี้ หากงบประมาณ ไม่ผ่านชั้นรับหลักการ รัฐบาลจะเป็นผู้คืนความสุขให้ประชาชน เพื่อสร้างอนาคต สร้างความหวังให้ชาติบ้านเมืองต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงตอบโต้ นพ.ชลน่าน ว่า ที่ นพ.ชลน่าน กล่าวมาว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณในการลงทุนลดลงกว่าที่เสนอไว้นั้น เราเสนองบฯ รายจ่ายลงทุน 624,399 ล้านบาทเศษ แต่เมื่อถึงขั้นการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ ในชั้นกรรมาธิการฯ ได้มีการปรับลดรายจ่ายลงทุนลง 12,466 ล้านบาทเศษ ทำให้เหลืองบรายจ่ายลงทุนทั้งสิ้น 611,933 ล้านบาทเศษ คิดเป็นร้อยละ 19.74 ของวงเงินงบประมาณ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถามว่าใครตัด ตั้งมาแล้ว และใครตัด ที่ นพ.ชลน่าน บอกว่าตัดแล้วเอามาใช้งบกลาง ตนไม่ได้สั่งใช้งบกลางเองได้ทั้งหมด เป็นเรื่องที่ต้องเสนอโครงการเข้ามาในคณะรัฐมนตรี แล้วโครงการดังกล่าวต้องปรับไปใช้กับโครงการอื่นๆ ที่ไม่ได้รับงบประมาณที่รออยู่ จะปรับลดลงได้ ต้องให้สอดคล้องความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ไม่ใช่วันนี้จะให้ใครก็ให้ ไม่เหมือนสมัยก่อน บางคนพูดมาก็พูดไป ได้มีการประกาศไว้ว่าถ้าไม่เลือกก็ไม่ให้ ไปดูว่าทุกแผนงานโครงการลงทุกพื้นที่ทุกจังหวัดหรือไม่ ในเรื่องของการส่อทุจริตต่างๆ ไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีหลักฐานก็ฟ้องร้องกันไป กรุณาย้อนกลับไปดูด้วยว่า ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการยุติธรรม มีติดคุก หนีคดีหรือไม่
