นายกฯ ยิ้มก่อนตอบปมขัดแย้งกฎหมายกัญชาระหว่างพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย เป็นเรื่องของสภา ขณะที่สาทิตย์ โต้ ‘อนุทิน’ ยันไม่ได้รับงานใครล้มกฎหมายกัญชา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 6/2565 ถึงกรณี ร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชงที่จะมีการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะลงมติไม่เห็นชอบ นายกฯ จะหย่าศึกระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้อย่างไร โดยนายกรัฐมนตรี ยิ้มก่อนจะตอบว่า “เป็นเรื่องของสภานะจ๊ะ”
ด้าน ‘สาทิตย์’ โต้ ‘เสี่ยหนู‘ ปัดรับงานใครมา ยันมารยาททางการเมืองต้องหัดฟังผู้อื่นด้วย
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวหาว่าการออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … รับงานของใครมาหรือไม่ ว่า แปลกใจกับท่าทีของนายอนุทินมาก แต่ย้ำจุดยืนของพรรคว่ากัญชามีทั้งประโยชน์และโทษมหันต์ ที่มีการนำไปใช้นันทนาการ เพราะขณะนี้สถานการณ์กัญชากลายเป็นกัญชาเสรีสุดขั้ว ที่มีการปลดล็อคออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 โดยไม่มีกฎหมายบังคับ จึงขอเรียกร้องให้มีกฎหมายที่ดีรองรับ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่ปัญหาคือกฎหมายที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) จัดทำอยู่ไม่เน้นเรื่องประโยชน์ทางการแพทย์ แต่เปิดช่องให้นำไปใช้นันทนาการ และยังสามารถบิดเบือนไปใช้ในด้านอื่นๆ ได้อีกมาก
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ขณะนี้นายอนุทินรู้ดีและต้องยอมรับว่ากัญชาเสรีสุดขั้วไปแล้ว เพราะสามารถซื้อได้ง่าย เราจึงเสนอให้นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดดีหรือไม่ ในฐานะส.ส.เรามีหน้าที่ทำกฎหมาย และทำหน้าที่แทนประชาชนในการติดตามนโยบาย หากเห็นสิ่งใดไม่ถูกต้องก็ต้องช่วยกันติเตือน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด
“ส่วนที่บอกว่ารับงาน รับเงินใครมาล้มกฎหมายกัญชา ก็ต้องบอกว่ารับงานจากประชาชนที่มีลูกหลานติดกัญชา อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ากฎหมายที่อยู่ในสภาขณะนี้ มีโอกาสที่จะพิจารณาไม่ทันในยุครัฐบาลนี้ หากกฎหมายกัญชาผ่านในสัปดาห์ โดยรัฐธรรมนูญก็ต้องส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาซึ่งมีเวลาพิจารณาถึง 60 วัน หรือถึงช่วงเดือนธันวาคม กว่าจะกลับมาสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งก็จะตกในช่วงเดือนมกราคม 2566 ถ้าเกิดกรณีที่วุฒิสภาแก้ไขก็จะต้องตั้งกรรมาธิการร่วม หากไม่ทันอายุสภามีทางเดียวคือการทำกฎหมายให้ดีที่สุด และปิดสุญญากาศการใช้กัญชา ขอให้นายอนุทินไปถามคนในกระทรวงสาธารณสุขดูว่าที่กำลังหนักใจกับผู้ป่วยจิตเวชที่ติดยาเสพติดมีความรู้สึกอย่างไร เราอย่าทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมืองแล้วทะเลาะกันเลย เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องผมจึงต้องพูด” นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้านโยบายจะเป็นเรื่องใหญ่และเป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคที่จะขับเคลื่อน หากร่างพ.ร.บ.กัญชาไม่เสร็จ ก็อาจจะนำไปสู่การจัดทำนโยบายที่จะใช้ในการเลือกตั้ง แต่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่ากัญชาต้องใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น เราไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรีสุดขั้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พรรคภูมิใจไทยมองว่าพรรคประชาธิปัตย์พยายามทำประเด็นกัญชาให้เป็นปัญหาทางการเมือง นายสาทิตย์ กล่าวว่า กัญชามีปัญหาในตัวอยู่แล้ว เพราะมีทั้งประโยชน์และโทษ ขณะนี้เรากำลังหยิบปัญหาที่ไม่ถูกพูดถึงขึ้นมา เราต้องใจกว้างและยอมรับว่าสิ่งที่ทำอยู่มีปัญหาและต้องหาทางแก้ไข อย่าไปกลบเกลื่อนเรื่องนี้ให้กลายเป็นความขัดแย้งทางการเมือง เพราะคนที่ต้องรับกรรมคือลูกหลานและประชาชน
เมื่อถามว่า กรณีพรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าไม่ใช่กัญชาเสรี แต่เป็นกัญชาเพื่อทางการแพทย์นั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยหากใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์ แต่ขณะนี้ไม่ใช่ เพราะกฎกระทรวงสาธารณสุขคุมไม่อยู่และตำรวจจับไม่ได้ ขายกัญชากันเกลื่อนเมือง หาซื้อง่ายตามข้างถนนโดยไม่ต้องใช้บัตรประชาชน
เมื่อถามว่า นายอนุทิน ระบุว่าหลังจากการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจมีการเปลี่ยนขั้วไม่ขอจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไกลไปที่จะพูดถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ขณะนี้เอาปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ส่วนที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคารพมติคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) นั้น นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ระบุว่ามติวิปรัฐบาลในเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะภายในวิปรัฐบาลก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา จึงขอว่าอย่าหยิบความเห็นไม่ตรงกันนี้ในสภาไปขยายผลให้เป็นความขัดแย้งทางการเมือง เพราะกัญชาเป็นปัญหาต่อสังคมและเรื่องความขัดแย้งไม่ถูกว่าเป็นเรื่องน่ากังวล
เมื่อถามถึง การถามหามารยาททางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ กล่าวว่า มารยาททางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลคือการเดินตามแนวทางที่ได้ร่วมตกลงกันไว้ และหากเห็นสิ่งไม่ถูกต้องเป็นโทษ และไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ต้องติเตือนและต้องฟังกันบ้าง










