ปลัด สธ.ประชุมติดตามสถานการณ์โควิด 19 กำชับเฝ้าระวัง ‘โอไมครอน’ ย้ำยังไม่พบในไทย ขอประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาล เพื่อลดความวิตกกังวล ขณะที่ นพ.นิธิ แนะดูแลตัวเอง รักษาระยะห่าง เตือนอย่าทำให้ปีใหม่นี้เหมือนกับสงกรานต์ที่ผ่านมา
วันที่ 28 พ.ย.2564 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคโควิด-19 (EOC) ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศ และข้อมูลการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์โอไมครอนในทวีปแอฟริกาโดยสั่งการให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมควบคุมโรค ติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งสื่อสารข้อมูลให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความวิตกกังวลและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ในการรับมือกับโรคโควิด-19 ได้กำชับให้ทุกจังหวัดกำกับติดตามมาตรการ VUCA คือ การฉีดวัคซีน การป้องกันตนเองขั้นสูงสุด การทำพื้นที่ปลอดภัยจากโควิดและการตรวจคัดกรองด้วย ATK โดยเน้นเฝ้าระวังตรวจจับการระบาดในชุมชน/ชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าว เร่งฉีดวัคซีนกลุ่ม 608 ให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้น ทั้งในโรงพยาบาล เช่น คลินิกโรคเรื้อรัง,คลินิกฝากครรภ์ และนอกโรงพยาบาล เช่น ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย-กลุ่มเปราะบาง จุดลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งในชุมชน และสื่อสารให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันตนเองสูงสุด (Universal Prevention) ทุกที่ ทุกเวลา
“ขณะนี้ยังไม่พบสายพันธุ์โอไมครอนในไทย และเราได้ปรับมาตรการคัดกรองป้องกันให้รัดกุมยิ่งขึ้น จึงขอให้ประชาชนคลายความกังวล และติดตามข้อมูลข่าวสารจากรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยทางการแพทย์ และกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ มาตรการ Universal Prevention ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันโควิด 19 ได้ทุกสายพันธุ์ ขอให้ประชาชนปฏิบัติเป็นปกติวิสัย ในระยะนี้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน สวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ลดการสัมผัสกัน ถ้าป่วยมีอาการทางเดินหายใจ หรือมีความเสี่ยงสงสัยติดเชื้อให้ตรวจด้วย ATK หรือไปตรวจที่สถานพยาบาล” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
สำหรับจำนวนผู้เดินทางเข้าไทยทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1-27 พฤศจิกายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 116,323 ราย พบติดเชื้อ 149 ราย คิดเป็น 0.13% เฉพาะวานนี้ (27 พ.ย. 64) เดินทางเข้ามา 6,115 ราย พบผู้ติดเชื้อ 5 ราย ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อทุกรายถูกส่งเข้าระบบการรักษาพยาบาลและส่งตรวจหาสายพันธุ์เพื่อการเฝ้าระวัง โดย 10 ประเทศที่มีผู้เดินทางเข้ามามากที่สุดคือ USA เยอรมันนี เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส UAE และสิงคโปร์
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก “Nithi Mahanonda” ระบุว่า โอไมครอน อาจมีมาพักหนึ่งแล้ว แต่เกิดและหลบอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีการเฝ้าระวังจริงจัง จากการดูจุดกลายพันธุ์น่าจะวนเวียนอยู่ในตัว host มาพักนึง แล้วก็โผล่ขึ้นมาจากการเคลื่อนย้ายของคนที่เป็น host เข้ามาในเมือง
ยังหวังว่าระบบภูมิต้านทานอื่นๆ ในตัวนอกจากแอนตี้บอดี้ (ที่ทำท่าว่ามันอาจจะเก่งหลบหลีกภูมิจากวัคซีนได้) ยังพอช่วยประทังได้ อย่าเพิ่งตื่นเต้นรอข้อมูลกันนิดว่ามันหลบได้ดี ระบาดได้เร็วมากน้อยแค่ไหน ขณะนี้ใส่หน้ากากเลี่ยงที่อากาศไม่ถ่ายเท และรักษาระยะห่างจะปลอดภัย อย่าให้หลังปีใหม่นี้ เหมือนหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา กระจายเร่งการฉีดวัคชีนให้ทั่วถึงทุกที่ ทุกกลุ่ม ทุกอายุ เอาหลักวิชาการ(ทั้งสังคมและวิทยาศาสตร์) และความจริงเข้ามาเป็นหลักลดกรอบเดิมๆ ลดอัตรา และตัดสินใจให้เร็ว ยืนยันเหมือนเดิมที่เคยว่าไว้ ว่าโรคนี้ต้อง เอาตัวรอดไปด้วยกันทุกคนทุกกลุ่ม










