นายกฯ สั่งการ สตช.เร่งติดตามคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส พร้อมปราบกลุ่มทุนจีนสีเทา รายงานผลโดยตรงทุก 15 วัน ส่วนการประชุมสภาฯ พรุ่งนี้ (28 ธ.ค.) ขอให้หัวหน้าพรรคกำชับ ส.ส.ในสังกัดเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการกรณีนายวรยุทธ์ อยู่วิทยา หรือ บอส ว่ากรณีนี้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งติดตามผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต โดยให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี
นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการเพิ่มเติมให้ตรวจสอบ และกลุ่มทุนต่างชาติ ที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ที่เรียกว่าเป็นคดีเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มทุนจีนที่มีนายตู้ห่าว กับพวกที่มีพฤติกรรมการกระทำความผิดในลักษณะอาชญากรรมข้ามชาติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ทั้งนี้ได้ให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายรายงานผลความคืบหน้าและอุปสรรคให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก 15 วัน ซึ่งได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้วและนายกรัฐมนตรีได้มารายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ เนื่องจากหลายกรณีเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงเพื่อดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน และดำเนินการอย่างเต็มที่และเห็นผลโดยเร็ว
นายอนุชา ยังกล่าวถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอความร่วมมือหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค ขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เข้าร่วมประชุมสภาอย่างพร้อมเพรียงในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.)
เนื่องจากจะมีเรื่องสำคัญที่เป็นกฎหมายที่สำคัญเป็นกฎหมาย 5 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติสถาปนิก ,ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย ,การแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือ กยศ. จึงอยากให้หัวหน้าทุกพรรคการเมือง ขอให้ส.ส.เข้าประชุมโดยพร้อมเพรียง เพื่อให้กฎหมายที่สำคัญทั้ง 5 ฉบับ ได้รับการพิจารณาอย่างต่อเนื่องต่อไป
“นายกรัฐมนตรี ยังให้ความสำคัญเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาพลังงาน ทั้งค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้า โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ โดยเฉพาะผู้ที่รายได้น้อย ที่มีประมาณ 25 ล้านครัวเรือน พร้อมขอให้ทุกฝ่าย ร่วมกันรณรงค์ใช้พลังงานอย่างประหยัด จะช่วยลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศด้วย” นายอนุชา กล่าว










