‘พล.อ.ประวิตร’ ลงพื้นที่ “จ.อุบล-ศรีสะเกษ” เร่งช่วยผู้ประสบอุทกภัย ผลพวง “พายุโนรู” สั่งภาครัฐ ระดมความช่วยเหลือ อย่างเต็มที่ ย้ำ รัฐบาลพร้อมเยียวยาทุกครัวเรือนทั่วถึง
พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ศรีสะเกษ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม
พล.อ.ประวิตร เดินทางมาที่สำนักงานชลประทานที่ 7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี มีนายชลธี ยังตรง ผวจ.อุบลราชธานี ให้การต้อนรับ จากนั้นได้เข้าห้องประชุม รับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำและสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี จาก สทนช. กรมชลประทาน บก.ทท. มทบ. 22 และปภ. ตามลำดับ สรุปภาพรวม จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมอันเกิดจากพายุโนรู และร่องมรสุมที่พัดผ่านประเทศไทยทำให้ฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้ลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูลมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมที่มีน้ำคงค้างอยู่ก่อนแล้ว และมีปริมาณน้ำมากกว่าทุกปี เฉลี่ยร้อยละ 25 แต่พื้นที่น้ำท่วมน้อยกว่าปี 54 และปี 62 สืบเนื่องจากรัฐบาลได้นำ 13 มาตรการรับมือฤดูฝนมาใช้อย่างได้ผล รวมทั้ง จ.อุบลราชธานี เอง ยังเป็นพื้นที่ที่มีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย เพื่อบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย ทั้งนี้ภาครัฐได้ระดมให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ทั้ง 19 อำเภอ ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ว และเตรียมแผนรองรับการเยียวยาหลังน้ำลดไว้แล้ว

จากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณแม่น้ำมูล ณ วัดหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และได้เยี่ยมเยียนพบปะให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม เสร็จแล้วเดินทางต่อไปยัง จ.ศรีสะเกษ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และการให้ความช่วยเหลือประชาชน ณ บริเวณบ้านหนองบัวไชยวาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งประชาชนได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม เช่นกัน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายแก่ สทนช. กรมชลประทาน จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยย้ำว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชนทุกครัวเรือน และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเข้มข้น ตลอดจนการเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือกำลังคน อย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและให้สถานการณ์กลับสู่ ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด










