ปมพิพาทพื้นที่ทับซ้อนเขาใหญ่ ‘เศรษฐา’ ระบุใช้แผนที่ทหารพิสูจน์ หลัง ส.ป.ก. แจ้งจับ ‘ชัยวัฒน์’
ก่อนออกเดินทางไปที่ประเทศออสเตรเลีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้กล่าวถึงกรณีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังคงมีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนเขาใหญ่ตอนหนึ่งว่า ในเรื่องของที่ดินทำกินนั้น เอาประชาชนเป็นที่ตั้งเพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่การทำในเรื่องนี้ถือว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนทั้งประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย เรื่องพื้นที่ทับซ้อน แต่ชัดเจนว่า จะดำเนินการตามแผนที่ทหารเป็นหลัก คือ 1 ต่อ 4,000 ซึ่งแผนที่ทหาร ถ้าสืบทราบได้ชัดเจนว่า เป็นพื้นที่ป่าก็ต้องปล่อยเป็นป่าไป ซึ่งตนเองไม่ก้าวก่ายในเรื่องนี้ แต่ขอให้มีความชัดเจน
ซึ่งตามที่ตนเคยเรียนไปว่า ถ้าทำอะไรมันต้องมีหลักการ ถ้าเกิดไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ผิด ไม่มีการมาทะเลาะกัน การทะเลาะกันก็ดี เพราะเป็นการชำระล้างนโยบายด้วยว่า ถ้าเกิดเราทำตรงนี้ถูกต้องและทำดี ดังนั้นต้องมีการสอบถามกันให้ชัดเจนจะดีกว่า หากนายชัยวัฒน์ไม่ชัดเจนก็ขอให้สอบถามให้ชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องทำกันไป ถ้ายังเป็นแบบนี้ประชาชนก็ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินทำกิน เราก็จะต้องสู้กันต่อไปโดยเอาความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ส่วนจะจบศึกนี้ได้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้มองเป็นปัญหาใหญ่แต่จะต้องถูกต้องตามกฎหมาย
เวลา 10.00 น. วันนี้ ปลัดกระทรวง 2 กระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทดังกล่าว ได้ประชุมหารือกันที่ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อวานนี้ (3 มี.ค. 67) นายวัฒนา มังธิสาร รองเลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กับพวก ในข้อหาทำลายทรัพย์สินทางราชการ และลักทรัพย์ กรณีดำเนินการถอนหลักหมุด ส.ป.ก. ในแปลงเลขที่ 9 ระวางที่ 5238115008 และแปลงอื่นในบริเวณรอบจำนวน 27 หมุด โดยกล่าวอ้างเพื่อถือเอาว่า หลักหมุดดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อย่างไรก็ตาม กรมแผนที่ทหาร ได้ตรวจสอบข้อมูลและการรังวัดสากล ยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
กระทรวงทส. หย่าศึกกระทรวงเกษตรฯ ตกลงที่จะนำแผนที่ตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงานมาเปรียบเทียบ หาข้อยุติเส้นแนวเขตใน 1 เดือน หากพบการทับซ้อน ให้คณะอนุกรรมการ One Map ชี้ขาด
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำผู้บริหาร 2 กระทรวง หารือร่วมกันเพื่อยุติข้อขัดแย้งระหว่างหน่วยงานเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินของรัฐที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ ปมข้อพิพาท พื้นที่ทับซ้อนเขาใหญ่
โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ผู้แทนกรมป่าไม้ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) รวมถึงนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมด้วย
นายจตุพร ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าวว่า กระทรวงทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ป่าและทะเล รวมถึงสัตว์ป่า ขณะที่ กระทรวงเกษตรฯ ดูแลพื้นที่ทำกินของประชาชนจึงต้องหารือให้การทำงานร่วมกันในอนาคตมีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ทุกภาคส่วน ทั้งสองหน่วยงานเห็นร่วมกันว่า จะต้องเพิ่มพื้นที่ป่าหรือพื้นที่สีเขียวตามนโยบายของรัฐบาล โดยในส่วนพื้นที่เชื่อมต่อของแนวเขต หรือ corridor ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องการสงวนรักษาพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติไว้เพื่อดูแลสัตว์ป่า ได้ขอความร่วมมือ ส.ป.ก. ไม่อนุญาตการเข้าใช้ประโยชน์ที่ดิน
ด้าน นายประยูร ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า จะต้องเร่งแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับแนวเขตปฏิรูปที่ดินกับป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ โดยเสนอให้สคทช. เร่งรัดการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ในพื้นที่ที่มีปัญหาก่อนเช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมาและปราจีนบุรี อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง สคทช. รับที่จะดำเนินการให้ได้ข้อยุติใน 2 เดือน เมื่อคณะอนุกรรมการ One Map ได้ข้อยุติ แล้วเสนอให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มีมติเห็นชอบ ทั้ง 2 กระทรวงจะดำเนินการตาม One Map ที่ คทช.ชี้ขาด
นอกจากนี้ ยังมอบหมายผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ให้ตรวจสอบการออก ส.ป.ก. 4-01 ทั่วประเทศว่า มีการดำเนินการผิดระเบียบหรือมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากพบจะลงโทษ
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ และส.ป.ก. จะนำแผนที่ตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงานมาเปรียบเทียบแนวเขตพื้นที่รอยต่อของป่าอนุรักษ์และเขตปฏิรูปที่ดิน โดยกำหนดเวลา 1 เดือนจากนี้ จะต้องชี้ชัดได้ว่า แนวเขตที่ถูกต้องอยู่ตรงไหน บริเวณที่เส้นแนวเขตไม่ตรงกัน จะหารือกันเพื่อหาข้อยุติ หากเป็นพื้นที่ทับซ้อน จะต้องส่งให้คณะอนุกรรมการ One Map ตรวจสอบเพื่อชี้ขาดในกรอบเวลา 2 เดือน
เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะประธารคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด (คปจ.) เพื่อให้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวเขตการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรกรณีเป็นที่ดินที่ไม่เคยจัดให้แก่บุคคลใดตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยมีหน่วยงานของรัฐ 9 หน่วยงานได้แก่ ผู้แทนของกรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นต้น เพื่อร่วมกันพิจารณาตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดจะออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินหรือออกส.ป.ก. 4-01 ว่า ทับซ้อนหรือรุกล้ำแนวเขตที่ดินซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานหรือไม่ จากนี้การออกส.ป.ก. 4-01 ในแปลงใหม่ๆ จะต้องพิจารณาภาพถ่ายทางอากาศประกอบด้วยเสมอว่า ไม่เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่า ตามนโยบายของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะคงสภาพป่าบริเวณรอยต่อของเขตปฏิรูปที่ดินกับป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ โดยจัดทำเป็นป่าชุมชน ส่วนส.ป.ก. 4-01 ที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดออกไปแล้ว ส.ป.ก. ส่วนกลางติดตามตรวจสอบเสมอ หากพบว่า ไม่เป็นไปตามระเบียบ จะต้องลงโทษทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายชัยวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ระบุถึงการที่ก่อนหน้านี้ ไม่ยอมรับการชี้แนวเขตของกรมแผนที่ทหาร ซึ่งระบุว่า พื้นที่พิพาทไม่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่เป็นเขตปฏิรูปที่ดินนั้น เนื่องจากเห็นว่า ยังไม่ได้ผ่านการเห็นชอบของคณะอนุกรรมการ One Map และจะต้องผ่านการเห็นชอบของคทช. ตามขั้นตอนด้วย แต่วันนี้ทั้งสองหน่วยงานได้หารือถึงแนวทางการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความถูกต้องในการจัดการที่ดินของรัฐและประโยชน์ของประเทศชาติ ก็พึงพอใจ โดยเฉพาะประเด็นรอยต่อของแนวเขตที่จะทำเป็น corridor สำหรับการดูแลสัตว์ป่าที่ปลัดกระทรวงทส. เสนอซึ่งหากทุกหน่วยงานเห็นด้วยและดำเนินการตามนี้ จะเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าของประเทศไปด้วย










