นายกฯ ‘เศรษฐา’ หารือ ผบ.ตร. กำชับมาตรฐาน รปภ.บุคคลสำคัญ ย้ำรัฐบาลมีหน้าที่ถวายอารักขาและรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติยศของสถาบัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ในวันที่ 11 ก.พ. 67 ระบุว่า “ผมหารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และพล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เรื่องที่ผมเป็นห่วงและขอกำชับคือเรื่องมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญ เพื่อไม่ให้ประเด็นนี้กลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้โจมตีทางการเมืองของทุกฝ่าย หรือมือที่สามมาฉวยสร้างสถานการณ์ ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และของผมในฐานะนายกฯ ขอย้ำครับว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐบาลมีหน้าที่ถวายการอารักขาและรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติยศของสถาบัน ผมเชื่อว่าเราคนไทยเห็นตรงกันในเรื่องนี้ครับ”
ผมหารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และพล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง… pic.twitter.com/ek0OP62gdm
— Srettha Thavisin (@Thavisin) February 11, 2024
[นายกฯ เตือนเรื่องนี้ไม่ควรมีใครให้ท้าย]
เช้าวันนี้ (12 ก.พ. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวในเช้าวันนี้ (12 ก.พ. 67) ถึงหารือกับผบ.ตร. เกี่ยวกับการถวายอารักขาว่า เรียกมาเพื่อย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้การดูแลบุคคลสำคัญและกำชับให้สำนักงานข่าวกรองดูแลเรื่องนี้ให้ดีๆ เพราะไม่อยากให้มีการปะทะกันเกิดขึ้น อยากให้ประเทศอยู่กันด้วยความสามัคคี หากเห็นต่างก็ควรใช้เวทีที่เหมาะสม เช่น สภาฯ หรือเวทีวิชาการ เพื่อพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีหลายฝ่ายรวมถึงกองทัพธรรม ออกมาแสดงพลังเพื่อปกป้องสถาบัน นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาทำกันปกติอยู่แล้ว ทุกฝ่ายรวมถึงกองทัพ ก็รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว
ส่วน ผบ.ตร. ได้รายงานเรื่องการดำเนินคดีอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ขอวิงวอนเรื่องของการใช้ความรุนแรง เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ และยืนยันว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วย และทุกสถาบันไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือตำรวจก็อยากที่จะเห็นความสมัครสมานสามัคคี แน่นอนว่าเรื่องความเห็นต่าง มีอยู่ในสังคมอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยและใช้เวทีที่ปลอดภัย ไม่เป็นที่คุกคามของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อยากจะอ้อนวอนและวิงวอนให้ทุกฝ่ายเห็นถึงจุดนี้ เพราะเห็นว่าตอนนี้ประเทศเดินหน้าไปได้ด้วยดี ความวุ่นวายก็ไม่มีมานานแล้ว ก็ไม่อยากให้มีประเด็นที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น เป็นเรื่องของฝ่ายความรักษาความปลอดภัยและฝ่ายความมั่นคงที่ต้องดูแล
เมื่อถามว่า กังวลจะเป็นเหตุลุกลามบานปลายหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องการใช้กำลังหรือการใช้ Hate Speech อยากให้สองฝ่ายลดทอนลงไป อยากให้ใช้เวทีสาธารณะดีๆ ทั้งสภาฯ และเวทีวิชาการพูดคุยกัน เพื่อให้มีความปลอดภัยกันทั้งสองฝ่าย เชื่อว่าทุกฝ่าย อยากเห็นประเทศชาติมีความปรองดองสมัครสมานสามัคคีกัน เป็นบรรยากาศที่พูดคุยกันได้ ซึ่งตนคิดว่าทุกฝ่ายให้ความสำคัญเรื่องนี้ และตนก็ได้เน้นย้ำกับผบ.ตร. เรื่องนี้ด้วย ต้องระมัดระวังไม่ให้มีการกระทบกระทั่งกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความปลอดภัยของราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อถามว่า เรื่องนี้มีผู้ใหญ่ให้ท้าย อยากจะขอความร่วมมืออย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่ที่ไหนให้ท้าย แต่ถ้าจะให้ผมพูด เรื่องชัดเจน ไม่ควรมีใครให้ท้าย ไม่ควรมีขบวนการอยู่ข้างหลัง เพราะขบวนเสด็จ ท่านเองก็มีภารกิจ พระองค์ท่านมีภารกิจตลอดเวลา พระองค์ท่านก็ทรงงานหนักทุกพระองค์ เพราะฉะนั้นในการเดินทางของทุกพระองค์ท่าน เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญสูงสุด และฝ่ายที่เห็นต่าง อย่างที่ผมบอก ให้ใช้เวทีที่ปลอดภัย เรามีสภาเรามีนักวิชาการ เราก็ต้องพูดคุยในเวทีที่ถูกต้อง ไม่อยากให้เป็นเวทีที่ใช้คำว่าท้าทาย อย่างเช่นตามศูนย์การค้าต่างๆ ไม่เหมาะสม เพราะผมเชื่อว่าไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ถูกต้อง สถานที่ช้อปปิ้งต่างๆ ก็มีคนที่เขาไปพักผ่อน แล้วเห็นบรรยากาศแบบนั้น อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยว ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่หวังดีต่อประเทศชาติ ไม่อยากให้เกิดบรรยากาศนี้เกิดขึ้นแน่นอน”
ผมและคณะรัฐมนตรีไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง และขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อปกป้องสถาบันฯ ครับ
— Srettha Thavisin (@Thavisin) February 12, 2024










