กระทรวงแรงงานเคาะมาตรการเยียวยากลุ่มคนกลางคืนรับ 5,000 บาท เบื้องต้น 1 เดือน ส่วนมาตรา 33 รับ 2 ต่อ คาดเงินได้เดือนธันวาคมนี้ หาก 16 ม.ค.65 ยังเปิดกิจการไม่ได้ จะเสนอเยียวยาต่อเนื่อง
ผู้แทนกลุ่มคนกลางคืน นำโดย นายธเนส สุขวัฒน์ ตัวแทนนักดนตรี ผู้จัดงานคอนเสิร์ต นายวรพจน์ นิ่มวิจิตร ตัวแทนสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกัน เพื่อหาทางเยียวยา นักร้อง นักดนตรี นักแสดง และผู้ประกอบการสถานบันเทิง คลับ ผับ บาร์ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19
นายสุชาติ กล่าวว่า แนวทางการช่วยเหลือแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 นายจ้างให้ลงทะเบียนโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานต่ออีก 1 เดือน เพื่อรักษาการจ้างงานในอัตรา 3,000 บาทต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คน ช่วยเหลือนายจ้างกลุ่มนี้ 3 เดือนโดยไม่มีภาษี
กลุ่มที่ 2 ลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม จะให้ประกันสังคมเยียวยาว่างงานจากเหตุสุดวิสัยจ่าย 50% ของค่าจ้างสูงสุด 7,500 บาท และจ่ายอีก 5,000 บาท จากรัฐบาลตามมาตรา 33 ในโครงการเรารักกันและ
กลุ่มที่ 3 ลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล โดยใช้เงินกู้จากรัฐบาล แต่ต้องให้สมาคม/สมาพันธ์รับรองลูกจ้างกลุ่มนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบตัวเลขในระบบเบื้องต้นพบว่า ทั้งประเทศคาดว่าอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 1.5 แสนราย ต้องใช้เม็ดเงินกู้จากรัฐบาลเยียวยาประมาณ 750 ล้านบาท ส่วนผู้ที่เกินอายุเกิน 65 ปี ซึ่งไม่เข้าข่ายมาตรา 40 ของประกันสังคม จะประสานให้กระทรวงวัฒนธรรม สำรวจตัวเลขและเป็นผู้ดูแลเยียวยาต่อไป
โดยกระทรวงแรงงาน จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และยังติดตามประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง กรณีเลวร้ายสุด หากผู้ประกอบการยังไม่สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ภายในวันที่ 16 ม.ค.2565 จะนำเสนอขยายกรอบเวลาต่ออายุมาตรการเยียวยานี้ออกไปอีก 1 เดือน อีกทั้งจะนำความเห็นและข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการที่ขอให้คณะดนตรี ศิลปินแสดงได้ในงานประเพณีที่จัดขึ้นกลางแจ้ง เช่น งานแต่ง เสนอให้ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ จะเสนอแนวทางผ่อนคลายให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงกลางคืน สามารถให้บริการได้แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องปรับรูปแบบจากผับ บาร์ เป็นรูปแบบร้านอาหารที่มีควบคุมเวลาปิดเหมือนธุรกิจประเภทร้านอาหารเท่านั้น
ด้าน นายธเนส กล่าวว่า ขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ช่วยให้ความเดือดร้อนของพี่น้องนักดนตรีบรรเทาเบาบางลง โดยภายในเดือนนี้ จะได้รับการเยียวยา ส่วนในอนาคตเราต้องช่วยภาครัฐด้วยเพื่อป้องกันการระบาด ไม่ใช่ว่าเปิดแล้วไม่รับผิดชอบ ขอให้ทุกภาคส่วนของสถานบริการทำตัวเองให้ได้มาตรฐานทั้งหมด หรือแม้แต่การเข้าไปขอมาตรฐาน เช่น SHA ต้องดูแลตัวเอง แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ขอให้ปิดไป เพราะมันจะทำให้คนอื่นๆ ที่เขาเป็นเด็กดีนั้น เสียไปหมด










