พรรคไทยสร้างไทย เปิดนโยบายเศรษฐกิจแล้ว ชู แก้-เพิ่ม-สร้าง ถึงเวลาปลดล็อก! เน้นตั้ง 3 กองทุนแก้หนี้ประชาชน เติมเงินในกระเป๋าโดยใช้เครื่องมือภาครัฐ และสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า 30 ปีทำงานการเมืองมาไม่เคยเห็นประชาชนทุกข์ยากมากถึงเพียงนี้ ลงพื้นที่ประชาชนมาระบายความทุกข์ พี่น้องประชาชนไม่สามารถเดินต่อไปได้ โดยเฉพาะคนยากคนจน ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆได้ ถ้าไม่ปลดล็อคความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะการเมือง 2 ขั้วที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร จะ Reinventing ปลดล็อคเปลี่ยนประเทศเพื่อให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้ โดยการปลดล็อควิกฤตการเมือง สร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ปลดล็อคการทุจริตคอร์รัปชั่นที่โกงกินบ้านเมืองมานาน
คุณหญิงสุดารัตน์ ปิดท้ายว่า พรรคไทยสร้างไทยจะมุ่งส่งเสริม SMEs คนตัวเล็ก ที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศที่จะต้องได้รับการปลดล็อค และเป็นเป้าหมายของพรรค ที่จะส่งเสริมในทุกโอกาส เพื่อให้คนตัวเล็กเป็นคนตัวใหญ่ได้

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหา หลายประการตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เป็นเครื่องยนต์หลักสำคัญในการขับเคลื่อนทั้ง 4 ตัว คือ การส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุน และ การบริโภคภายในติดลบทุกตัว พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอแพคเกจนโยบาย แก้เพิ่ม สร้าง คือ การแก้หนี้ เพิ่มเงินในกระเป๋า และสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ เพื่อเป็นเครื่องมือใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายสุพันธุ์ชี้ว่า ปัญหาหลักของประเทศตอนนี้ที่ต้องเร่งแก้คือปัญหาหนี้ โดยพรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายสำคัญคือการแก้หนี้ โดยเปิดตัว 3 กองทุน คือ 1.กองทุนฟื้นฟูหนี้เสีย “ปลดล็อกเครดิตบูโรให้ประชาชน” นายสุพันธุ์ชี้ว่า หนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปีมีประมาณ 100,000 ล้านบาท แต่วันนี้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 500,000 ล้านบาท จึงต้องเร่งปลดล็อกเครดิตบูโร แก้ปัญหาดอกเบี้ย และกู้อิสรภาพในการกู้เงิน 2.กองทุน SMEs เพื่อช่วยเหลือในการทำธุรกิจ ทั้งภาคท่องเที่ยว และวิสาหกิจชุมชน และ 3.กองทุนเครดิตประชาชนเพื่อจะแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ให้ประชาชนสามารถผ่อนชำระได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนชำระรายวันได้
ต่อมา จะเป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋า โดยนายสุพันธุ์ ระบุว่าจะเน้นสิ่งที่ประเทศไทยมีจุดแข็ง พัฒนาต่อได้ ด้านแรกคือ ด้านการเกษตรและอาหาร ที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต ระบบชลประทานที่จะต้องแก้ไข หาวัตถุดิบราคาถูก เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ และมีการจับคู่เกษตรกรกับผู้รับซื้อผลผลิต การแบ่งโซนนิ่ง ต่อมาคือด้านสุขภาพและวิถีชีวิตที่จะสนับสนุนให้ไทยเป็น Medical Hub ในทุกมิติ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์ทางเลือก การผลิตเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง สมุนไพรไทย และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความเป็น Universal Design มากขึ้น และสุดท้ายคือด้านการท่องเที่ยวที่รัฐจะผลักดันการใช้งานแพลตฟอร์มของไทย เช่น Thai Guide หรือ ไทยเท่ ให้นักท่องเที่ยวจองที่พัก ร้านอาหาร การเดินทางได้ในราคาถูกกว่า ไม่ต้องพึ่งพาแอปของต่างชาติ รัฐโปรโมทให้ไม่ต้องเสียค่าโฆษณากับแอปพลิเคชั่นต่างชาติ
ส่วนสุดท้ายคือการสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ หรือ New World Economy คือการแก้ปัญหาของใหม่ๆ ของโลกในปัจจุบันด้วยวิธีการใหม่ เช่นปัญหาความมั่นคงทางอาหารที่ไทยต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาสโดยการส่งเสริมอาหาร 5 ด้าน ได้แก่ อาหารเสริมสุขภาพ อาหารทางการแพทย์ อาหารอินทรีย์ อาหารทางนวัตกรรม และอาหารสำหรับตลาดเฉพาะให้มากขึ้น นอกจากนั้น ต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้สิทธิประโยชน์ใน BOI ลดหย่อนภาษีนักธุรกิจในประเทศ เพื่อที่จะแข่งขันกับทุนต่างชาติได้ และต้องปรับตัวชี้วัดและกฎเกณฑ์ต่างๆ ต้องมีการดู GDP ของ SMEs แยกออกมาอีกตัวหนึ่ง มีการดูหนี้ในระบบมาเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญเพิ่มขึ้นไปกว่าแค่ดู GDP ทั้งประเทศ
นายสุพันธุ์ ทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญทั้งในการค้าและการเมืองคือความเชื่อมั่น และวันนี้ตนเชื่อมั่นในพรรคไทยสร้างไทย และหวังว่าประชาชนคนตัวเล็กทั้งประเทศจะเชื่อมั่นพรรคไทยสร้างไทยต่อไปด้วย










