‘ไทยสร้างไทย’ ประชุมภาคกทม.กำชับต้องสื่อสารนโยบายให้เข้าใจและทั่วถึง ‘สุธา’ เผยคัดเลือกผู้สมัครเกือบครบแล้ว พร้อมเดินหน้าสู่สนามเลือกตั้ง
พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) จัดประชุมภาคกทม. โดยมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรค นายสุธา ชันแสง ประธานภาคกทม. นางนาตยา แดงบุหงา รองหัวหน้าพรรค นายสมชาย เวสารรัชตระกูล รองเลขาธิการพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส ร่วมประชุม
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เป็นการติวเข้มทำความเข้าใจนโยบายเพื่อเน้นย้ำ และสื่อสารให้ประชาชนได้รับฟังและเข้าใจอย่างทั่งถึง เช่นนโยบายบำนาญ 3,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่พรรคได้เสนอกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการสังคมผู้สูงวัยซึ่งประเทศไทย เป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลกที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงวัยมากที่สุด ดังนั้นพรรคจึงมีนโยบายบำนาญ 3,000 บาท จะทำให้ผู้สูงวัยสามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีเป็นการสร้างสุขภาพให้ผู้สูงวัย และสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
“พรรคจะสร้างโอกาสให้ผู้คน ลุกขึ้นมาทำมาหากินได้อย่างรวดเร็ว ปลดล็อค กฎหมายและรัฐราชการที่ขวางกั้นการทำมาหากินของประชาชน โดยจะออกพ.ร.ก.เพียง 1 ฉบับใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน พักหรือแขวนการบังคับใช้ใบอนุมัติใบอนุญาตกว่า 1,000 ฉบับ ไว้ 3-5 ปี รวมถึงจะมีการพักหนี้และเติมทุนให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ รายเล็กรายย่อยหรือ SMEs ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้ทำมาหากินได้รวดเร็ว และสามารถ ออกไปแข่งขันได้” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ด้าน นายสุธา กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญกับพื้นที่กทม.เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศ และในส่วนของการคัดเลือกผู้สมัครเกือบแล้วเสร็จทั้งหมด เหลือเพียงบางเขตเท่านั้น และมีความพร้อมในการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง โดยในส่วนของผู้สมัครจะมีทั้งคนรุ่นใหม่นักธุรกิจที่มีประสบการณ์สูงในแต่ละด้านเข้ามาร่วมงาน มั่นใจว่าจะถูกใจประชาชน เพราะเป็นคนมีคุณภาพที่อาสามาแก้ไขปัญหาประเทศ
ขณะที่นายสมชาย กล่าวถึงการทำพื้นที่ในกทม.ว่า การจะเข้าไปนั่งในหัวใจของพี่น้องประชาชนได้ต้องมีความจริงใจต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคถือว่ามีต้นทุนที่ดีเพราะมีคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นผู้นำทัพและเป็นที่รักของพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้นการจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งได้ ผู้สมัครทุกคนจะต้องทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและศรัทธาในพรรค จึงขอให้ผู้สมัครทุกคนลงพื้นที่อย่างหนักและเร่งสร้างเครือข่ายบำนาญประชาชนให้ได้ครบ 5 ล้านคนตามเป้าหมาย
