สะพัด ‘เศรษฐกิจไทย’ จ่อเปลี่ยนชื่อพรรค เป็น รวมใจไทยชนะ ลุ้น กกต.พิจารณามติขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ
วันที่ 13 ก.พ. 2565 นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจไทย อดีตนายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 จะเข้าร่วมอภิปรายด้วยหรือไม่ ว่า พรรคไม่ได้ร่วมยื่นด้วย เมื่อถามว่า มองการอภิปรายทั่วไปฯ อย่างไรบ้าง เพราะจะมีอภิปรายเรื่องเศรษฐกิจและความล้มเหลวในการบริหารงาน นายบุญสิงห์ กล่าวว่า เมื่อถึงตอนอภิปรายฯ ทางพรรคจะเก็บข้อมูลและติดตามข้อมูลต่าง ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์รัฐบาลหรือไม่ นายบุญสิงห์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะการอภิปรายทั่วไปมองได้ 2 มุม คือ มุมที่ว่าจะเป็นการดิสเครดิตหรือการทำลายรัฐบาล แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็คือข้อมูลต่างๆ เป็นข้อมูลที่เป็นจริงก็จะสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ก็ต้องฟังในการอภิปรายฯ
นายบุญสิงห์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าภายในของพรรคเศรษฐกิจไทย ว่า มีการคุยแลกเปลี่ยนกันเป็นระยะอย่างชื่อพรรคจะเปลี่ยนหรือไม่ โลโก้พรรคจะเปลี่ยนเป็นอย่างไร ตอนนี้พรรคกำลังทำทุกด้าน เช่น การเพิ่มสมาชิกพรรค การตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด ซึ่งกำลังทยอยทำไปเรื่อย ๆ ส่วนโครงสร้างพรรคยังไม่ได้มีการกำหนดและที่ทำการพรรคตอนนี้ยังไม่ได้ย้ายจากที่ทำการเดิมที่มีการจัดทะเบียนไว้ เพราะต้องมีการประชุมใหญ่ แต่ที่ทำการพรรคใหม่ที่เตรียมไว้เป็นที่ อาคารยูทาวเวอร์ ถนนศรีนครินทร์ ส่วนวันประชุมใหญ่จะเป็นวันใดนั้น ตอนนี้ขอทำเรื่องของสมาชิกพรรคและตัวแทนพรรคประจำจังหวัดไประยะหนึ่งก่อน
เมื่อถามว่าทางพรรคเศรษฐกิจไทยจะมีการส่งชิงผู้ว่าฯ กทม.ด้วยหรือไม่ นายบุญสิงห์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ให้พรรคเข้าที่เข้าทางและคิดว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย จะให้รายละเอียด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับพรรคเศรษฐกิจไทย ที่กำลังเตรียมการเปลี่ยนแปลงชื่อและโลโก้พรรคนั้น ขณะนี้ได้ชื่อพรรคที่เหมาะสมแล้ว โดยจะดำเนินการเปลี่ยนมาใช้ชื่อ พรรครวมใจไทยชนะ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ เวลา 13.00 น. ที่ประชุมจะพิจารณากรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือขอให้กกต.ตรวจสอบมติพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขับ 21 ส.ส.ว่า ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และกรณีที่นายสมัย รามัญอุดม ซึ่งอ้างว่าเป็นสมาชิกพรรค พปชร. พร้อมพวกรวมกว่า100 คน ยื่นคำร้อง ตามมาตรา 42 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 อ้างว่า มติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ส.ส. พปชร. รวม 21 คนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ หากกกต.เห็นว่าการดำเนินการมีมติขับดังกล่าวเป็นไปตามที่กฎหมาย และข้อบังคับกำหนด ก็จะมีมติรับทราบตามกระบวนการ โดยจะมีการแจ้งหนังสือไปยังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรภายใน 3 วัน เพื่อให้ทันครบกำหนดในวันที่ 18 ก.พ.นี้ แต่หากพบว่ามติขับดังกล่าวเป็นไม่ไปตามที่กฎหมาย และไม่เป็นไปตามข้อบังคับกำหนด ทางกกต.มีอำนาจสั่งเพิกถอนมติของพรรคพปชร.ได้ เท่ากับว่าทั้ง 21 ส.ส.ยังคงเป็นสมาชิกพรรคพปชร. ส่วนการไปสังกัดเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย อาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนเรื่องของความเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ส่งผลให้ความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงได้ เนื่องจากส.ส. 1 คนเป็นสมาชิกพรรคได้เพียง 1 พรรคเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีแนวทางอีกว่าหากที่ประชุมกกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วน ไม่สามารถตัดสินได้เลย อาจมีการตั้งคณะทำงาน ขึ้นมาตรวจสอบและขอข้อมูลก่อนที่จะพิจารณาอีกครั้งก็ได้










