อัยการ ยื่นฟ้อง ‘ธนาธร’ ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปมไลฟ์สดวิจารณ์วัคซีนโควิด

วันที่ 11 เม.ย. 65 พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา มีคำสั่งฟ้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีที่ นายธนาธรไลฟ์เฟซบุ๊กบรรยายหัวข้อเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 บนเพจคณะก้าวหน้า และเพจของนายธนาธร ซึ่งมีเนื้อหาวิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลที่มีความล่าช้าและมีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของ นายธนาธรให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ศาลมีคำสั่งรับฟ้องเเล้ว และทนายความอยู่ระหว่างกำลังยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวนายธนาธรอยู่
ทั้งนี้ล่าสุด ศาลให้ประกันตัวนายธนาธร คดี ม.112- พ.ร.บ.คอมฯ ปมไลฟ์วัคซีนโควิดแล้ว ด้วยวงเงินประกัน 90,000 บาท พร้อมเงื่อนไขห้ามกระทำซ้ำแบบเดิม
ต่อมา นายธนาธร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit ระบุว่า “วันนี้ผมเสียเวลาทำงานทั้งวันไปกับขั้นตอนทางกฎหมาย รอศาลอนุญาตให้ประกันตัว จากกรณีที่อัยการสั่งฟ้องผมในข้อหา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ จากการที่ผมแถลงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน: ใครได้-ใครเสีย ?” ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การบริหารวัคซีนของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีลักษณะ “แทงม้าตัวเดียว” สั่งวัคซีนหลักยี่ห้อเดียวคือแอสตร้าเซเนก้า ทำให้ผมตั้งข้อสังเกตว่าการตัดสินใจแบบนี้ จะทำให้ประชาชนเสี่ยงได้วัคซีนช้าและไม่มีประสิทธภาพ เพราะในเวลานั้น ไม่มีใครรู้ว่าวัคซีนชนิดไหนจะมีประสิทธิภาพที่สุด
กรณีของผม เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการใช้กฎหมายทั้งมาตรา 112 มาตรา 116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ปิดปากผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและเห็นต่างจากผู้มีอำนาจ โดยนับตั้งแต่กรกฎาคม 2563 ถึงปัจจุบัน มีผู้ถูกดำเนินคดี 112 จำนวนถึง 183 ราย
ผมไม่ใช่คนแรก และจะไม่ใช่คนสุดท้าย ที่ถูกปิดปากโดยมาตรา 112 ทั้งที่การวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนของผมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยความเป็นห่วงว่าคนไทยจะได้วัคซีนช้าเกินไปและไม่มีประสิทธิภาพ และเวลาก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง ตอนนี้วัคซีนที่ได้ผลที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโควิด คือชนิด mRNA ไม่ใช่ไวรัลเวคเตอร์
การใช้คดี 112 กับผม และนักกิจกรรมทางการเมือง รวมถึงประชาชนทั่วไป เป็นอาวุธที่ผู้มีอำนาจใช้ หวังว่าจะเป็นไม้ตายในการปิดปากพวกเรา หยุดยั้งพวกเราไม่ให้ตั้งคำถาม และเรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องสังคมที่ดีกว่านี้ และขอยืนยันตรงนี้ว่าการทำงานของผมจะยังดำเนินต่อไป โดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมจะไม่ลังเลที่จะพูด จะทำ สิ่งใดก็ตามที่ผมเห็นว่าจำเป็น และมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพียงเพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดคดีความเป็นโทษกับตัวเอง
สุดท้าย ผมขอให้กำลังใจผู้ต้องหาคดี 112 และคดีการเมืองทุกคน สู้ด้วยกันต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนครับ”










