ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรให้โตโยต้าแพ้คดีภาษีรถรุ่นพรีอุสกว่าหมื่นล้าน ระบุชิ้นส่วนนำเข้าเป็นรถใกล้ประกอบสำเร็จ จึงไม่ได้รับยกเว้นอากรและลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกตามความตกลง JTEPA ขณะที่โตโยต้าน้อมรับคำพิพากษา
องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อ่านคําพิพากษา ศาลฎีกา โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังศาลภาษีอากรกลาง คดีระหว่าง บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จํากัด โจทก์ กรมศุลกากร จําเลยที่หนึ่ง และกรมสรรพากร จําเลยที่สอง รวมสิบคดี คิดเป็นทุนทรัพย์รวม 10,000,000,000 บาทเศษ
คดีทั้งสิบเรื่องโจทก์ ฟ้องว่า ระหว่างปี 2553 ถึง 2555 โจทก์นําเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อนํามาผลิตรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส โดยอาศัยสิทธิตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา 12 และมาตรา 14 แห่งพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ และตามความตกลง ระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสําหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (UTEPA) โจทก์จึงขอให้ เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จําเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลภาษีอากรกลาง พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า ชิ้นส่วนรถยนต์ที่โจทก์นําเข้าเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้ว มีลักษณะอันเป็นสาระสําคัญของรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส และสามารถนําไปประกอบเป็นรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส ได้ทันที จึงต้องจําแนกเข้าประเภทพิกัดของชิ้นส่วนที่สมบูรณ์ หรือสําเร็จแล้ว ที่นําเข้ามา โดยถอดแยกออกจากกัน หรือ ยังไม่ได้ประกอบเข้าด้วยกัน ในฐานะที่เป็นชิ้นส่วนครบชุดสมบูรณ์ ประเภท พิกัด 8703.23.41 หรือ 8703.23.5 (ตามช่วงเวลาที่นําเข้า) ตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตรา ศุลกากร ข้อ 1 ข้อ 2 (ก) และ ข้อ 6 ในภาค 1 ท้ายพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530
จึงไม่ได้รับยกเว้นอากรและลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกมาเพื่อให้เป็นไปตาม ความตกลง JTEPA และไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากร และยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 18) ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2553
ทั้งไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรในอัตราอากรขาเข้าร้อยละ 30 ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกําหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530
การประเมินและคําวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้คิดอัตรา อากรขาเข้าร้อยละ 80 ชอบแล้ว ส่วนประเด็นอื่นศาลไม่รับวินิจฉัย พิพากษายืน
คำชี้แจงจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ต่อคำพิพากษาจากศาลฎีกา
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จึงใคร่ขอแถลงการณ์เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าวดังต่อไปนี้
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (“บริษัทฯ“) ขอแสดงความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนี้มีประเด็นเกี่ยวกับการตีความข้อกฎหมายซึ่งยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อน และเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น กล่าวคือ
บริษัทฯ ได้ใช้สิทธิประโยชน์ตามอนุสัญญาระหว่างสองประเทศ ที่เรียกว่าความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) เพื่อลดอัตราอากรขาเข้าในการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุส ซึ่งในปี 2553 หน่วยงานราชการของไทยที่เกี่ยวข้องได้อนุมัติการใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวอย่างถูกต้องมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2555 กรมศุลกากรได้ตีความกฎการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุสในแนวทางซึ่งแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีภาระภาษีและอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก คำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ได้ตีความในแนวทางเดียวกันกับการตีความของกรมศุลกากร ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้รับสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว บริษัทฯ จะศึกษารายละเอียดของคำพิพากษา และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ต่อไป
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ยึดมั่นที่จะประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยและพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยได้รับความพึงพอใจสูงสุด และเพื่อส่งเสริมพันธกิจขององค์กรในการขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทย










