‘วันชัย’ ติงผู้มีอำนาจ-พรรคการเมืองแก้ รธน.-สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์กลับไปกลับมา หวังได้เปรียบทางการเมือง ขณะที่โฆษกพรรคกล้าขออย่ายืดเยื้อแก้ รธน.เลือกตั้งนาน หวั่นกฎหมายสำคัญอื่นตก พิจารณาไม่ทันสมัยประชุมนี้
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญเพื่อกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ว่า ในส่วนของ ส.ว.ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าใครจะให้กลับ ทั้งพรรคการเมืองหรือผู้มีอำนาจคนใดก็ตาม จะเสียผู้เสียคนมากกว่า เหมือนอย่างกรณีสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่จากเดิมหาร 100 ก็มีการกลับไปเป็นหาร 500 แล้วจากหารด้วย 500 ก็จะกลับมาเป็นหารด้วย 100 อีก และยังจะกลับไปแก้รัฐธรรมนูญก็จะทำให้ยิ่งเสียคนมากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องที่จะมองแค่ความได้เสียเปรียบเสียเปรียบทางการเมืองมากกว่า การดำเนินการให้เป็นไปด้วยความตรงไปตรงมา ขาดความถูกต้อง ขาดความมีจริยธรรมทางการเมือง ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือ
เมื่อถามว่า มองว่ามีโอกาสที่จะกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวได้หรือไม่ นายวันชัย กล่าวว่า คิดว่าใครที่คิดแต่เรื่องอำนาจอย่างเดียว คิดแต่จะเอาเปรียบอย่างเดียวแล้วรวมหัวกัน มีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นได้
“หากจะเกิดขึ้นได้ก็จะต้องมีการร่วมมือกันระหว่าง พรรคการเมืองกับผู้มีอำนาจ ที่หวังจะเอาอำนาจและหวังจะได้เปรียบทางการเมืองเท่านั้น แต่หากพรรคการเมืองไม่เล่นด้วย ส.ส.ไม่เล่นด้วย ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ลำพัง ส.ว.อย่างเดียว ไม่มีทางที่จะทำได้เลย” นายวันชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยหรือไม่หากจะมีการกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว นายวันชัย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นด้วยกับการหารด้วย 100 ตั้งแต่ต้น และหากจะกลับไปกลับมา มองว่ามันเป็นการกะล่อนกันทางการเมืองมากกว่าที่จะทำเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง
พรรคกล้าหวั่นหากสภาเสียเวลาแก้ระบบเลือกตั้ง อาจทำให้ญัตติแก้ รธน.ห้าม ส.ว.เลือกนายกฯ ไม่ทันสมัยประชุมนี้
ด้านนายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงความพยายามเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งจากระบบหาร 500 กลับไปใช้ระบบหาร 100 ว่า เสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมรัฐสภา เห็นชอบให้ใช้การคำนวณแบบหาร 500 ไปแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้อง แล้วลงมติวาระ 3 แต่บางฝ่ายที่อยากได้ระบบหาร 100 ส่งสัญญาณใช้แท็กติกทางการเมือง ยื้อเวลาให้การแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พิจารณาไม่ทันกรอบ 180 วัน คือวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะทำให้รัฐสภาผ่านกฎหมายไม่ได้แล้ว ยังส่งผลกระทบทำให้ญัตติสำคัญหลายญัตติ โดยเฉพาะญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 อาจไม่ทันพิจารณาในสมัยประชุมนี้
“หากในสภาฯ พยายามเดินเกมยื้อเวลา เพื่อให้ได้ระบบเลือกตั้งที่ต้องการ จะเป็นต้นเหตุ ทำให้ญัตติสำคัญอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี อาจจะพิจารณาไม่ทันสมัยประชุม ที่จะหมดสมัยกลางเดือนกันยายนนี้” นายแสนยากรณ์ กล่าว
นายแสนยากรณ์ กล่าวว่า เสียดายเวลาสภา หากนิยมประชาธิปไตยจริง สภาควรรีบแก้รัฐธรรมนูญ ม.272 ห้าม ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี แต่ที่นักการเมืองทำกันอยู่ขณะนี้คือวนเวียนกับการแก้กฎหมายระบบเลือกตั้งให้กลับมาเป็น ส.ส.ใหม่ได้เท่านั้น










