จิตเวชโคราชแนะใช้ “6 วิธี 3 ห้าม” รับมือพายุ “คาจิกิ” ลดการสูญเสีย เน้นชีวิตรอด

จิตเวชโคราชแนะใช้ “6 วิธี 3 ห้าม” รับมือพายุ “คาจิกิ” ลดการสูญเสีย เน้นชีวิตรอด

รพ.จิตเวชนครราชสีมา แนะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักคือนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เตรียมตัวรับมือน้ำท่วมฉับพลันจากพายุโซนร้อนคาจิกิ ไว้ล่วงหน้า 6 ประการ และเน้น 3 ห้าม เพื่อลดความสูญเสีย โดยเน้นชีวิตรอดปลอดภัยอันดับแรก จดเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ยามฉุกเฉินอาทิการแพทย์ฉุกเฉิน สายด่วนสุขภาพจิต ส่วนผู้ป่วยจิตเวชที่ยาใกล้หมดหรือเดินทางไปพบแพทย์ตามนัดไม่ได้  ให้แจ้งอสม.หรือเจ้าหน้าที่รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน เพื่อจัดส่งยาถึงบ้าน 

วันนี้ (3 ก.ย.62) นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมจากพายุโซนร้อนคาจิกิ ตามประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งในพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ เป็น 4 ใน 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่อาจได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วง 1-2 วันนี้ ว่า รพ.จิตเวชฯ ได้เตรียมพร้อมจัดบริการประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง จัดระบบไฟสำรองหากเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถใช้การได้ทันที พร้อมทั้งจัดระบบการสื่อสารให้คำปรึกษาการดูแลผู้ป่วยจิตเวชฉุกเฉินเชื่อมโยงกับ รพ.ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่อย่างเต็มที่ตลอด24 ชั่วโมง

พร้อมขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าในอดีตจะไม่เคยประสบปัญหาในพื้นที่มาก่อนก็ตาม ก็ไม่ควรประมาท เนื่องจากภัยธรรมชาติอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ การรับมือที่ดีที่สุดคือการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าทั้งในระดับครอบครัวและระดับชุมชน หมู่บ้าน  เพื่อการเอาชีวิตรอดและอยู่อย่างปลอดภัย  โดยมีข้อแนะนำ 6 ประการ ดังนี้

  1. เตรียมแผนเผชิญน้ำท่วม  ซักซ้อมหน้าที่ของสมาชิกครอบครัว หาทางหนีทีไล่ให้เรียบร้อย  โดยเน้นความปลอดภัยชีวิตเป็นอันดับแรกโดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้พิการ  และเรื่องทรัพย์สินเป็นเรื่องรองลงมา
  2. สำรองอาหาร น้ำดื่มสะอาด ใช้การได้อย่างน้อย 3 วัน
  3. เตรียมยาสามัญประจำบ้านที่จำเป็นไว้ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาใส่แผล ผงเกลือแร่ไว้ในที่ปลอดภัย
  4. ผู้ที่มีโรคประจำตัว ขอให้จัดเตรียมยาที่กินประจำไว้ใกล้ตัว หรือเก็บไว้ในที่ปลอดภัยป้องกันยาสูญหาย
  5. จัดเตรียมระบบไฟสำรองส่องสว่างภายในบ้าน เช่นไฟฉาย เทียนไข ไม้ขีดไฟ เป็นต้น
  6. จดเบอร์โทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน เช่น เบอร์ญาติสนิท เบอร์เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เบอร์การแพทย์ฉุกเฉิน 1669 เบอร์สายด่วนสุขภาพจิต 1323 และเบอร์สายด่วน 1784 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

 

 “เมื่อเกิดน้ำท่วมจริงและน้ำท่วมถึงบ้าน ขอให้ตั้งสติให้ดี จะช่วยให้เห็นวิธีการแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ต้องคำนึงไว้เสมอ 3 ประการ ก็คือ ห้ามเดินตามเส้นทางที่น้ำไหล แม้ระดับน้ำจะไม่สูงก็ตาม เนื่องจากความเชี่ยวของกระแสน้ำอาจทำให้เสียหลักและล้มได้ ห้ามขับรถในพื้นที่ที่น้ำกำลังท่ว มเพื่อลดความเสี่ยงในการจมน้ำ และห้ามเข้าใกล้อุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟ เนื่องจากกระแสไฟสามารถวิ่งผ่านได้” นายแพทย์กิตต์กวีกล่าว

นายแพทย์กิตต์กวี กล่าวต่อไปว่า  ในกลุ่มของผู้ป่วยจิตเวชที่อยู่ในพื้นที่ที่ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง  หากรายใดยากินใกล้หมด หรือไม่สามารถเดินทางออกไปพบแพทย์ตามนัดที่โรงพยาบาลได้เนื่องจากฝนตกหนัก ขอให้รีบแจ้งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. หรือแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้านทุกแห่ง เพื่อที่จะดำเนินการจัดส่งยาไปให้ที่บ้านต่อไป

 

สำหรับในส่วนของชุมชน มีข้อแนะนำการเตรียมพร้อมล่วงหน้า 3 ประการ คือ

  1. จัดเตรียมแผนการช่วยเหลือสมาชิกในชุมชน โดยเฉพาะความปลอดภัยกลุ่มที่เปราะบาง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง ช่วยกันเฝ้าระวังทรัพย์สินในชุมชน
  2. จัดเวรยามเฝ้าระวังระดับน้ำและแจ้งเตือนชุมชนให้ทราบอย่างต่อเนื่อง
  3. จัดเตรียมศูนย์กลางให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอกและประสานกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือดูแลกันในเบื้องต้นได้รวดเร็วและทั่วถึงที่สุด

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง