Queen Charlotte ราชินีในบริเจอร์ตันเป็นคนผิวดำจริงหรือไม่ สัมภาษณ์นักแสดงในซีรีส์ถึงความรู้สึกการรับราชวงศ์ที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
นอกจากความชวนฝัน และฉากสุดเซ็กซี่ของ Bridgerton ทุก ๆ ภาคแล้ว สิ่งที่น่าสนใจของซีรีส์จาก Netflix ชุดนี้ และโดยคือการผสมความหลากหลายลงไปในเรื่อง ตั้งแต่พระเอกนางเอกที่หลายตัวเปลี่ยนจากตัวละครคนขาวในนิยายต้นฉบับ โดยเฉพาะในซีซั่นนี้ Queen Charlotte: A Bridgerton Story หรือ ควีนชาร์ล็อตต์: เรื่องเล่าราชินีบริดเจอร์ตัน ที่มีความพิเศษด้วยการเป็นภาคนำตัวละครอย่างสมเด็จพระราชินีชาร์ล็อตมาที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าพระราชินีอังกฤษที่เป็นคนดำ มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์หรือไม่ มาเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราวที่เขียนขึ้นมาใหม่ในจักรวสลเดียวกับนิยายต้นฉบับ แต่ในชีวิตจริงควีนชาร์ล็อตเป็นคนดำจริงหรือไม่ หรือมันเป็นการเปลี่ยนตัวละครเพื่อความหลากหลายเท่านั้น

เรื่องจริงของ ควีนชาร์ล็อตในประวัติศาสตร์
- สมเด็จพระราชินีชาร์ล็อต หรือ ชาร์ล็อต แห่งเมคเลนบูร์ก-สเตรลิทซ์ มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1744 ถึง 1818 เป็นธิดาคนที่ 8 และคนสุดท้องของ ดยุกชาร์ลส์ หลุยส์ เฟรเดอริก และดัชเชสเอลิซาเบธ อัลแบร์ทีน
- เมื่ออายุได้ 17 ปี ชาร์ล็อตเดินทางจากเยอรมันนีมาแต่งงานกับ พระเจ้าจอร์จที่ 3 เชื่อกันว่าแม่ของจอร์จ ที่มีชื่อเต็มว่า เจ้าหญิงออกัสตาแห่งแซ็กซ์-โกทา เป็นคนเลือกสรรเจ้าสาวมาเอง โดยพี่ชายของชาร์ล็อต ซึ่งเป็นดยุคในขณะนั้นเป็นคนเซ็นทะเบียนสมรส
- เมื่อชาร์ล็อตมาถึงได้แค่ 6 ชั่วโมงพิธีแต่งงานที่ Chapel Royal พระราชวังเซนต์เจมส์ก็เริ่มที่ขึ้นทันที
- ชีวิตในวังของชาร์ล็อตมีส่วนที่คล้ายในซีรีส์อยู่หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือคือความรักในเสียงดนตรี โอลเวน เฮดลีย์ ผู้เขียนชีวประวัติของพระราชินี ระบุไว้ว่าพระองค์เคยรับรองโมซาร์ทในวัย 8 ขวบและครอบครัว และเขาก็เขียนเพลง Opus 3 ของเขาเป็นเกียรติแก่พระองค์
- หลายสถานที่ ๆ โด่งดังอยู่ในอังกฤษตอนนี้ก็มีความเกี่ยวพันอย่างมากกับสมเด็จพระราชินีชาร์ล็อต โดยเฉพาะพระราชวังบัคกิงแฮม หรือที่ในตอนนั้นเรียนกันว่าบัคคิงแฮมเฮาส์ เพราะเป็นบ้านที่พระเจ้าจอร์จที่สามซื้อไว้ให้เป็นบ้านของครอบครัวใกล้ ๆ กับพระราชวังเซนต์เจมส์ ก่อนที่จะตัดสินใจจะเรโนเวทเพื่อเปลี่ยนมันเป็นพระราชวังในปี 1826

ข้อสันนิษฐานว่าพระราชินีชาร์ล็อตเป็นคนดำ
- โดยรวมแล้วตลอดมาพระองค์มีภาพเป็นคนขาว ตั้งแต่ภาพเขียน ไปจนถึงเวลาประวัติของพระองค์ถูกเล่าผ่านการแสดงต่าง ๆ เช่น เฮเลน เมียร์เรน นักแสดงชื่อดังก็เคยรับบทเป็นชาร์ล็อตในภาพยนตร์เรื่อง The Madness of King George มาก่อน
- แต่นักประวัติศาสตร์ มาริโอ เดอ วัลเดส อี โคคอม อ้างว่าลักษณะของเธอที่เห็นในภาพเหมือนของราชวงศ์นั้นเป็นชาวแอฟริกันอย่างเห็นได้ชัด
- โดยเขาระบุว่า ถึงแม้จะเป็นชาวเยอรมัน แต่สืบเชื้อสายโดยตรงจากสายตระกูลผิวดำของราชวงศ์โปรตุเกสซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ มาร์การิต้า เด คาสโตร เอ ซูซา ขุนนางหญิงชาวโปรตุเกสในศตวรรษที่ 15 ที่สืบเชื้อสายมาจากพระราชาแห่งโปรตุเกสในศตวรรษที่ 13 อย่าง พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 3 และมาดรากานาคนรักของเขา ซึ่งวัลเดสระบุว่าเป็นชาวมัวร์ หรือชาวแอฟริกันผิวดำ
- แม้จะมีนักประวัติศาสตร์หลายคนออกมาแย้งว่าชาร์ล็อตนั้นเกิดห่างจากบรรพบุรุษผู้มีเชื้อสายมากเกินไปจนยากที่จะสืบทอดลักษณะทางกายภาพเหล่านั้นได้ และหลักฐานว่ามาดรากานาเป็นคนดำก็เบาบางมาก
- แต่วัสเดสก็ยืนยันด้วยหลักฐานจากภาพเหมือนทีเขียนโดยอัลลัน แรมซีย์ ว่าในรูปชาร์ล็อตมีโครงหน้าและลักษณะของคนผิวดำ ซึ่งถูกกดไว้น้อยกว่าภาพเขียนที่เขียนโดนคนอื่น ๆ เพราะแรมซีย์เป็นนักรณรงค์ต่อต้านการค้าทาสที่จะไม่ยอมลดลักษณะเฉพาะของชาวแอฟริกันออก

ซึ่งแม้สุดท้ายแล้วจะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าสมเด็จพระราชินีชาร์ล็อตมีเชื้อสายคนดำจริงหรือไม่ แต่เราก็ได้เห็นว่า “ควีนชาร์ล็อตต์: เรื่องเล่าราชินีบริดเจอร์ตัน” นั้นใช้ความเป็นนิยายสร้างเรื่องราวและจักรวาลไปในทิศทางนี้อย่างชัดเจน จนกระทั่งมีฉากเขียนภาพที่ช่างเขียนถูกสั่งให้ลงสีให้เธอดูขาวขึ้นอีกด้วย
มีผู้ชมหลายคนที่ไม่เห็นด้วยและกล่าวหา Netflix ว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์ หรือถึงขึ้นขโมยประวัติศาสตร์มาเพื่อเอาใจคนดู อย่างไรก็ตามความนิยมในซีรีส์ชุดนี้ที่นำมาสู่การทำภาคก่อน และภาคต่อ ๆ ไปที่น่าจะตามมาก็สะท้อนได้ชัดเจนแล้วว่าไม่ว่าในโลกอดีตจะเป็นอย่างไร แต่ในความหลากหลายทางเชื้อชาติที่อาจจะเคยถูกลบกลบไว้ได้ปรากฏตัวและมีพื้นที่ในหน้าประวัติศาสตร์แล้วผ่านซีรีส์ชุดนี้ แม้มันจะเริ่มที่เรื่องราวชวนฝันที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาก็ตาม

ดังที่ โกลดา โรโชเวล ผู้รับบทเป็นควีนชาร์ล็อต ได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับสำนักข่าว TODAY
“ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ ที่เราพูดถึงเรื่องที่ซับซ้อน คำถาม และสนทนา กันเรื่องการไม่แบ่งแยก การสร้างภาพแทนในการเล่าเรื่อง และการที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวนี้ผ่านซีรีส์แนวประวัติสาตร์ ฉันคิดว่าการเล่าเรื่องเป็นทางที่ทำให้ง่ายขึ้นในการพูดคุยประเด็นเหล่านี้กัน และเราก็ทำเช่นนั้นได้ผ่านตัวละครเหมือนสมเด็จพระราชินีชาร์ล็อต จอร์จ แดนเบอร์รี่ เราสามารถนำเสนอโลกที่เราอยู่กันตอนนี้ แล้วพูดได้ว่าเราไม่กีดกันใครออกไป และจากนี้ไปทุกคนไม่มีใครควรถูดกีดกันออกไป การที่เราสามารถทำสิ่งนั้นได้ด้วยละครย้อนยุคและการเล่าเรื่อง สำหรับฉัน ฉันคิดว่านั่นคือทิศทางที่เราควรจะเดินหน้าไป”

เช่นเดียวกับนักแสดงที่มารับบทเป็นควีนชาร์ล็อต และ คิงจอร์จ ในวัยหนุ่มสาว อย่าง อินเดีย อมาร์เทฟิโอ และ คอรีย์ มิลครีสต์ โดย อินเดียกล่าวว่า “ฉันคิดว่ามันจะน่าสนใจมาก โดยเฉพาะสำหรับคนอังกฤษด้วย พวกเราไม่ค่อยได้เรียนเรื่องประวัติศาสตร์ของจอร์จเท่าไหร่ ในหลักสูตรในโรงเรียนของเราตอนนี้ ฉันก็เลยคิดว่ามันไม่ใช่สารคดี อย่างที่คอรีย์บอกแต่มันจะเป็นบทเรียนประวัติศาสตร์เล็ก ๆ ให้คนได้เรียนรู้
และ คอรีย์ก็เสริมว่า “มันคงจะดีถ้าคนรู้สึกว่า “โอ้ ฉันอยากรู้เรื่องของพวกนายมากขึ้น และมันมีข้อมูลอีกมากตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมาเช่นกัน ก็อยากลองไปหาอ่านกันดูนะครับ”
อ้างอิง
- https://www.washingtonpost.com/history/2020/12/27/bridgerton-queen-charlotte-black-royals/
- https://www.royal.uk/queen-charlotte
- https://www.smithsonianmag.com/smart-news/5-things-you-didnt-know-about-queen-charlotte-180967373/
- https://www.royal.uk/royal-residences-buckingham-palace#:~:text=History%20of%20Buckingham%20Palace,15%20children%20were%20born%20there.
- https://www.theguardian.com/world/2009/mar/12/race-monarchyhttps://www.hrp.org.uk/kew-palace/history-and-stories/queen-charlotte/#gs.x2qtju
- https://www.insider.com/queen-charlotte-wasnt-really-black-historians-say-bridgerton-spinoff-2022-10
- https://www.sportskeeda.com/pop-culture/news-new-netflix-series-queen-charlotte-poster-sparks-fury-online-internet-claims-makers-white-washing-history
- https://www.rct.uk/collection/400146/queen-charlotte-1744-1818-with-her-two-eldest-sons










