หลังปิดสาขาชั่วคราวเพื่อทำการรีโนเวตสู่โฉมใหม่ สำหรับ ‘ยูนิโคล่’ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นร้านยูนิโคล่สาขาแรกในไทย และให้บริการมาตั้งแต่ที่ยูนิโคล่เข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
ล่าสุด ยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งถือเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในไทยด้วย ได้กลับมาเปิดให้บริการแก่ลูกค้าทุกคนแล้วในวันนี้ (28 กันยายน 2566)

โดยนอกจากพื้นที่ที่ใหญ่กว่าเดิม คือจากกว่า 2,700 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 3,370 ตารางเมตร ยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ โฉมใหม่เรียกได้ว่ามาพร้อมกับการมอบประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสให้ลูกค้าชาวไทย ไม่ว่าจะเป็น
-มีไอเทมครบครันที่สุด ทั้งไอเทมหลักและคอลเลคชันพิเศษ เทียบเท่ากับบนออนไลน์
-มีการปรับผังการจัดแสดงคอลเลกชั่นต่างๆ ให้ตรงกับฤดูกาลของโลก
-มีการปรับการจัดท่าทางหุ่นให้อยู่ในท่าทางอื่นนอกจากยืน ซึ่งเป็นเทรนด์การจัดแสดงหุ่นของโลก
-มีจุดบริการ Self Check out ถึง 20 จุด มากที่สุดในไทย

-มี Gift Card และความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ อาทิ ศิลปินชาวไทย อย่าง Shared Toy, YOON PHANNAPAST, BHBH และ JARB ในคอลเลกชัน UTme! Giftcard และของสมนาคุณ
นอกจากนี้ ในวันเปิดร้านยังมีการร่วมมือกับ ยามาซากิ ในการแจกขนมปังถั่วแดงเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่มารอใช้บริการร้านยูนิโคล่ เช่นเดียวกับการเปิดร้านยูนิโคล่ในอดีตที่ประเทศญี่ปุ่น ที่จะมีการมอบอาหารเช้าเช่นขนมปังหรือเครื่องดื่ม เพื่อเป็นของแสดงคำขอบคุณสำหรับลูกค้า
แต่ที่น่าสนใจมากๆ สำหรับสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ คือการให้บริการ Re.UNIQLO Studio เป็นแห่งแรกในไทย โดยเป็นจุดรับซ่อม-ปรับโฉมเสื้อผ้ายูนิโคล่ตัวโปรดให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ ไทยถือเป็นเป็นประเทศที่ 14 ของโลก และประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่มีการให้บริการ Re.UNIQLO Studio หลังจากได้รับความนิยมมากขึ้นจากลูกค้าโดยเฉพาะในยุโรป ภายใต้ความมุ่งมั่นของยูนิโคล่ที่อยากให้ลูกค้าได้ใส่เสื้อผ้าตัวโปรดได้นานขึ้น ลดปัญหาขยะแฟชั่นที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดย Re.UNIQLO Studio มีบริการทั้ง 4 บริการด้วยกัน คือ
1.Repair ซ่อมแซมเสื้อผ้าของลูกค้าอย่างพิถีถัน
2.Remake ปรับโฉมเสื้อผ้ายูนิโคล่ของลูกค้าใหม่ หรือเติมแต่งสไตล์ในแบบที่ลูกค้าต้องการ
3.Reuse รวบรวมเสื้อผ้าที่ลูกค้าใส่ไม่ได้แล้ว และส่งต่อให้คนในชุมชนที่ขาดแคลนเสื้อผ้า
4.Recycle นำเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้ว ไปรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบเพื่อสร้างสรรค์เสื้อผ้าชิ้นใหม่ หรือกลายเป็นเชื้อเพลิงทดแทน
โดยการซ่อมแซมนั้นมีให้บริการตั้งแต่เย็บรู, เย็บรอยขาด, ปะรู, ซ่อมตะเข็บรุ่ย, ปะรูด้วยเศษผ้า ไปจนถึงเปลี่ยนกระดุม

แต่ที่น่าสนใจกว่าคือในการซ่อมรู เราสามารถเลือกซ่อมแซมให้กลายเป็นสไตล์เก๋ๆ ด้วยการปักเย็บลวดลายลงไป ซึ่งที่นี่จะมีทั้งการปักเย็บเส้นด้ายให้เป็นลวดลายสไตล์ญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า Sashiko ซึ่งมีลวดลายให้เลือก 4 ลาย ทำได้ทั้งการปักและเย็บแผ่นติด

นอกจากนั้น ยังสามารถเลือกซ่อมรูด้วยการปักเป็นลวดลายอื่นๆ เช่น ตัวการ์ตูน, ตัวเลข, ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น โดยที่นี่มีลายให้เลือกมากกว่า 100 ลาย เรียกได้ว่านอกจากเสื้อผ้าตัวโปรดจะกลับมาใช้งานได้แล้ว ก็ยังได้สไตล์ใหม่ที่สวยเก๋ไม่ซ้ำใครได้อีกด้วย

สำหรับค่าบริการซ่อมแซมเริ่มต้นที่ 80 บาท รับเฉพาะโปรดักต์ของยูนิโคล่เท่านั้น โดยในช่วงต้นที่เพิ่งเริ่มให้บริการ ยูนิโคล่ประเมินว่าหากลูกค้านำสินค้ามาส่งซ่อมจะใช้เวลาดำเนินงานอยู่ที่ 1 วันจึงแล้วเสร็จ แต่ถ้าหากมีจำนวนชิ้นงานมาก ก็อาจจะขยายเป็น 2-3 วัน











