ภาคอสังหาฯ ได้หายใจกันต่อ หลังจากประกาศประกาศราชกิจจา ลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองอสังหาฯ จากเดิม 2% และ 1% ให้เหลือ 0.01% โดยมีผลบังคับใช้วันนี้ 18 มกราคม 2565 ยาวไปจนถึงสิ้นปี 31 ธันวาคม 2565
ซึ่งประกาศนี้ ใช้ได้กับโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเช่นเดิม และยังครอบคลุมบ้านมือสองด้วย ซึ่งน่าจะช่วยให้บ้านมือสองระบายได้มากขึ้น จากที่ผ่านมามีดีมานด์เหลือในตลาดค่อนข้างมาก
มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เป็นหนึ่งในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ ค.ร.ม. ได้ประชุมและอนุมัติไปเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2564 เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี
นอกจากนี้ยังมีกฏเกณฑ์ที่ออกมาเพื่อช่วยปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างลูกหนี้ ผู้ค้ำประกัน และสถาบันที่ให้กู้ยืมเงิน โดยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เพื่อสร้างสภาพคล่องให้ทั้งลูกหนี้และผู้ประกอบการ มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. 2565 ไปจนถึง 31 ธ.ค. 2569 รวมระยะเวลา 5 ปี
สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ประกาศออกมานี้ คาดว่าจะสนับสนุนให้เกิดการซื้อขายมูลค่ากว่า 2.91 แสนล้านบาท เพิ่มทั้งภาคการบริโภคในประเทศและการลงทุนใหม่ๆ ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ไปว่า 5,600 ล้านบาท
หากสถานการณ์ในอนาคตดีขึ้น ไม่แน่ว่ามาตรการลดค่าโอนและจดจำนองจะต่ออายุไปอีกหรือไม่ เพราะอาจเป็นดั่งเช่นในกรณีมาตรการลดภาษีที่ดิน 90% ซึ่งล่าสุดคลังไม่ต่ออายุมาตรการนี้แล้ว เนื่องจากทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องสูญเสียรายได้ไปกว่า 30,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามกันต่อไป เพราะมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง เกี่ยวข้องกับภาคการบริโภคของประชาชนมากกว่า ในขณะที่ภาษีที่ดินนั้นกระทบเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งมักมีที่ดินในครอบครองค่อนข้างมาก และมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ มากกว่า 1 หลัง










