วันที่ 11 พ.ค. สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เตรียมขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT อีก 3 เท่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19
สำนักข่าวซาอุดีเพรส รายงานว่า นายโมฮัมหมัด อัล-จาดาน รัฐมนตรีคลังซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 3 เท่า จากเดิม 5% เป็น 15% นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป และเตรียมยกเลิกการจ่ายเงินเลี้ยงชีพให้แก่พลเมือง โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้
นายอัล-จาดาน ระบุในแถลงการณ์ว่า มาตรการเหล่านี้อาจสร้างความเจ็บปวด แต่ก็มีความจำเป็นเพื่อคงไว้ซึ่งเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจให้อยู่จุดกึ่งกลางในระยะยาว และเพื่อเอาชนะวิกฤตการระบาดของโควิด-19 เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มาตรการดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายจาดานกล่าวเตือนถึงการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ในขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการตามแผนการฉุกเฉินเพื่อลดค่าใช้จ่าย หลังจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ราคาน้ำมันตกต่ำเป็นประวัติการณ์
ซาอุดิอาระเบีย และหลายประเทศในแถบอ่าวอาหรับ เริ่มเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% เมื่อปี 2018 เพื่อหารายได้เพิ่ม ทางการซาอุดิอาระเบีย ยังดำเนินนโยบายการจ่ายเงินเลี้ยงชีพให้แก่พลเมือง คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น
นายอัล-จาดาน กล่าวว่า เขาคาดว่ารัฐบาลซาอุฯ อาจสูญเสียรายได้จากน้ำมันมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของรายได้สาธารณะทั้งหมด ในขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงกว่า 2 ใน 3 นับตั้งแต่ต้นปี
การประกาศครั้งนี้ยังมีขึ้นหลังจากซาอุดีอาระเบีย ขาดดุลงบประมาณสูงถึง 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ส่วนรายได้จากน้ำมันลดลงเกือบ 1 ใน 4 จากปีที่แล้ว เหลือ 34,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้รายได้ลดลงร้อยละ 22
นายอัล-จาดาน กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบีย อาจต้องกู้ยืมเงินมากถึง 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล
เมื่อเดือนเมษายน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจซาอุดีอาระเบีย จะปรับตัวลดลงร้อยละ 2.3 ในปีนี้
