VAT 10% มีนานแล้ว แต่เราแค่จ่ายไม่ถึง เข้าใจโครงสร้าง VAT ไทย

VAT 10% มีนานแล้ว แต่เราแค่จ่ายไม่ถึง เข้าใจโครงสร้าง VAT ไทย

การเงิน

รู้หรือไม่ว่าจริงๆ  แล้วประเทศไทยเรามีอัตราภาษี VAT 10% มาตั้งนานแล้ว

ทุกครั้งที่มีข่าวการเคลื่อนไหวประกาศขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT (Value Added Tax) ขยับจาก 7% อาจทำให้หลายคนให้ความสนใจอย่างมาก 

อย่างล่าสุด ‘เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะค่อยๆ ปรับขึ้น 8.5% ในปี 2571 และ 10% ในปี 2573 

อ้างอิงตาม มาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร ได้กำหนดให้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้า อยู่ที่ร้อยละ 10.0 หมายความว่า ในทางกฎหมายแล้ว รัฐบาลสามารถปรับอัตรา VAT กลับไปที่ 10% ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการทยอยปรับขึ้นเลย

นี่จึงเป็นเหตุผลว่า รัฐบาลสามารถปรับอัตรา VAT ขึ้นเป็น 10% ได้เลยตามที่กฎหมายหลักกำหนด โดยไม่จำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นจาก 7% เป็น 8.5% หรืออัตราอื่นใดเลย

[ แล้วทำไมปัจจุบัน VAT ไทยถึง 7%​ ? ] 

เพราะอัตรา VAT ปัจจุบันอยู่ที่ 7% และอำนาจตามกฎหมายที่เปิดช่องให้รัฐบาลสามารถลดอัตราภาษีได้ โดยมาตรา 80 วรรคสอง ระบุว่า “อัตราภาษีตามวรรคหนึ่งให้ลดลงได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา”

การลดอัตรานี้จึงเป็นเหมือน เครื่องมือที่รัฐบาลใช้ในการลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการออกพระราชกฤษฎีกาอย่างต่อเนื่องและเป็นวาระ

อย่างฉบับล่าสุด คือ พระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 799 พ.ศ. 2568 ที่มีเนื้อหาสำคัญคือการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 10% ลงมาที่อัตรา 7% (เท่าเดิม)

โดยการลดอัตรานี้มีผลบังคับใช้ตามช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ขยายออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2569 ด้วยการดำเนินการแบบ “ต่ออายุเป็นปี” นี้เอง 

อย่างไรก็ตาม ในอัตรา 7% ที่เราจ่ายนั้นแบ่งเป็นสองส่วน คือ ภาษีส่วนของแผ่นดิน 6.3% และถูกบวกเพิ่มด้วยภาษีท้องถิ่นอีก 1/9 ของอัตราดังกล่าว เท่ากับ 0.7% ทำให้รวมกันเป็น 7.0% พอดีของอัตราภาษีอย่างที่เราได้ใช้กันในทุกวันนี้

ทั้งนี้ การ “ลดอัตรา VAT” ผ่านพระราชกฤษฎีกา ก็เป็นเหมือนเครื่องมือที่รัฐบาลใช้ปรับอัตราภาษีอย่างยืดหยุ่น เพื่อลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในทางปฏิบัติ รัฐบาลจะออก พ.ร.ฎ. ต่ออายุการลดหย่อนเป็นช่วงๆ อย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น หากถึงกำหนดแล้วรัฐบาล ไม่ออก พ.ร.ฎ. ใหม่ อัตราภาษีจะ ดีดกลับไปที่ 10% โดยอัตโนมัติ แต่ถ้ารัฐบาลต้องการ “ปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป” เช่น ขยับเป็น 8.5% ก็สามารถทำได้ โดยออกพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่เพื่อ “ลดจาก 10% ให้เหลือ 8.5%” ในช่วงเวลาที่กำหนดแทน ไม่จำเป็นต้องกลับไป 10% ก่อนแล้วค่อยลดลง

[ ขึ้นภาษี VAT กระทบคนกลุ่มไหน? แต่ช่วยให้รัฐมีเงินเพิ่ม 7-8 หมื่นล้านบาท ]

‘รศ. ดร.อธิภัทร มุทิตาเจริญ’ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจกับบีบีซีไทย ว่า VAT เป็นภาษีถดถอย คือมันเดือดร้อนผู้มีรายได้น้อยเป็นสัดส่วนที่มากกว่าผู้มีรายได้สูง 

ในทางกลับกันถ้าหากรัฐบาลฯ ขึ้นภาษี VAT เพิ่ม 1% รายได้ก็จะเก็บได้ประมาณ 70,000-80,000 ล้านบาท 

 ‘รศ. ดร.อธิภัทร’ แนะนำว่า รัฐบาลควรตอบประชาชนให้ได้ว่าทำไมต้องขึ้น VAT แล้วเมื่อขึ้นไปแล้วมีความสมเหตุสมผลอย่างไร เมื่อเก็บเงินไปแล้วเอาไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เพราะการขึ้นแวตจะกระทบกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางมากกว่ากลุ่มผู้มีรายได้สูง

และถ้าจะขึ้นก็ต้องค่อยๆ ขึ้น เพราะถ้าขึ้นทีเดียวจะกระทบค่อนข้างมาก อย่างประเทศญี่ปุ่นเขาก็ค่อยๆ ปรับจาก 8% เป็น 10% 

สรุปง่ายๆ ว่าแม้อัตรา VAT ตามกฎหมายจะกำหนดไว้ที่ 10% มาตั้งแต่แรก แต่รัฐบาลเลือกใช้ “กลไกการลดอัตราผ่าน พ.ร.ฎ.” เพื่อพยุงค่าครองชีพและประคองเศรษฐกิจ ทำให้เราเสีย VAT เพียง 7% มาอย่างยาวนาน 

แต่เมื่อถึงเวลารัฐสามารถปล่อยให้ VAT กลับไปที่ 10% ได้ทันที หรือจะค่อยๆ ขยับขึ้นตามแผน เช่น 8.5% ก็ทำได้โดยการออก พ.ร.ฎ. ใหม่มาลดจาก 10% ลงไปยังอัตราที่ต้องการ

อย่างไรซะการขึ้น VAT ไม่ใช่เรื่องเทคนิคทางกฎหมายเท่านั้น แต่เป็นภาระต่อประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำให้รัฐบาลฯ ต้องวางแผนเรื่องนี้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบเศรษฐกิจโดยรวมมากเกินไป

ที่มา

        • https://www.rd.go.th/1603.html
        • https://magazine.dst.co.th/column/cpd2310-vat-10
        • https://www.bbc.com/thai/articles/c1el8y002nno
AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง