ไปกันใหญ่หุ้นไทยร่วงไม่หยุด ตั้งแต่เปิดตลาดช่วงเช้าก็ร่วงมาเรื่อยๆ จนถึงตอนเย็น โดย SET Index วันนี้ 25 ก.พ.68 ปรับตัวลดลง -29.46 จุด หรือ -2.38% ดัชนีปิดที่ 1,206.39 จุด เกือบจะหลุดลงไปต่ำกว่า 1,200 จุด ทำเอานักลงทุนใจหาย
โดยมูลค่าซื้อขายตลอดทั้งวันอยู่ที่ 50,189.15 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,398.54 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 5,275.01 ล้านบาท
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยแดงเถือกทั้งกระดานวันนี้มาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่
1.ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลก หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งจำกัดการลงทุนของจีนในภาคส่วนสำคัญ เช่น เทคโนโลยีและพลังงาน รวมถึงยังมีแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก
2.วันนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่ากว่า 3,398.54 ล้านบาท สะท้อนถึงความไม่มั่นใจที่มีต่อตลาดหุ้นไทย
3.บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่งผลให้มีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่และกดดันดัชนีตลาด
สำหรับหุ้นที่เป็นแรงกดดันให้ดัชนีหุ้นไทยติดลบวันนี้ คือ
PTTEP ติดลบมากสุดที่ -8.00% ราคาหุ้นปิดที่ 115.00 บาท ลดลง 10.00 บาท
WHA ติดลบรองลงมาที่ -7.03% ราคาหุ้นปิดที่ 3.44 บาท ลดลง 0.26 บาท
CPALL ติดลบที่ -4.83% ราคาหุ้นปิดที่ 49.25 บาท ลดลง 2.50 บาท
TRUE ติดลบที่ -4.17% ราคาหุ้นปิดที่ 11.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
ADVANC ติดลบที่ -3.15% ราคาหุ้นปิดที่ 277.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
โดยหากมองให้ชัดเข้าไปในแต่ละหุ้นอันดับแรกจะเห็นว่าหุ้นที่ปรับตัวลดลงวันนี้เป็นหุ้นขนาดใหญ่ หรือ Big Cap. ซึ่งถูกเทขายจากความกังวลโดยเฉพาะในเรื่องของผลประกอบการที่อาจไม่ได้ออกมาดีตามที่คาดการณ์
นอกจากเรื่องของแรงเทขายของนักลงทุนแล้ว สำหรับ PTTEP วันนี้เป็นวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD สำหรับการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังของปี 2567 ซึ่งการขึ้นเครื่องหมาย XD หมายความว่านักลงทุนที่ซื้อหุ้นในวันนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์เงินปันผล ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตามมูลค่าเงินปันผลที่จ่าย
ด้าน WHA ก็มีข่าวและราคาหุ้นร่วงหนักตั้งแต่เมื่อวาน โดยวานนี้ 24 ก.พ. 68 ราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 20% เนื่องจากมีข่าวว่ากำลังจะเอา บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ WHAID เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนกังวลเกี่ยวกับแผนการ Spin-off
ส่วน CPALL นักลงทุนกังวลว่าการร่วมดีล MBO ซื้อกิจการ Seven & i ที่มีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านบาท จะเสี่ยงกระทบกำไรและเพิ่มภาระหนี้สินให้กับบริษัท ทำให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อฐานะการเงินของ CPALL
อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ. 68) มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีกำหนดการประชุมนัดแรกของปี เพื่อพิจารณาทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายว่าจะคงไว้ที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 2.25% หรือปรับลดลง
โดยนักวิเคราะห์และสถาบันต่างๆ มีความเห็นที่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งคงอัตราดอกเบี้ยไว้และปรับลดลง ซึ่งทิศทางดอกเบี้ยครั้งนี้มีความสำคัญมาก
เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ส่งหนังสือถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 1-3% และแนะนำให้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ดังนั้น การประชุม กนง. ในครั้งนี้จึงได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากผลการตัดสินใจว่าจะคงไว้หรือหั่นดอกเบี้ยลงจะส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า










