ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในตัวเลือกการช็อปปิ้งออนไลน์ของสาวๆ ต้องมีฟาสต์แฟชั่นจีนอย่าง ‘SHEIN’ อยู่ เพราะมีสินค้าให้เลือกมากมาย มีว่าจะสไตล์ไหนๆ ก็ครบจบ มาพร้อมราคาที่จับต้องได้และมีโปรจัดส่งฟรีทั่วประเทศอยู่บ่อยครั้ง
ที่น่าสนใจคือ ในปี 2566 ที่ผ่านมา SHEIN มียอดขายและกำไรมากกว่า H&M เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มากไปกว่านั้น SHEIN ยังเตรียมพร้อม IPO เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กในเร็วๆ นี้อีกด้วย
และเรื่องราวนี้เป็นอย่างไร TODAY Bizview จะสรุปให้ครบจบผ่านบทความนี้
[ เริ่มต้นจากขาย ‘ชุดแต่งงาน’ สู่ ‘แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่นระดับโลก’ ]
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักจุดเริ่มต้นของ SHEIN กันสักนิด
ย้อนกลับไปในปี 2551 SHEIN ก่อตั้งขึ้นด้วยชายชาวจีนอย่าง ‘Chris Xu’ ซึ่งในตอนนั้นผู้ก่อตั้งเห็นว่า เสื้อผ้าแฟชั่นจากจีนมีความต้องการจากทั่วโลก โดยเฉพาะกับ ‘ชุดแต่งงาน’ ทำให้เขาก่อตั้งบริษัทที่มีชื่อว่า ZZKKO ขึ้นในประเทศ และเริ่มจำหน่ายเพียงแค่ชุดแต่งงานก่อน
แต่ภายหลังจากนั้น 2 ปี ดีมานด์เสื้อผ้าแฟชั่นจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก และเป็นดีมานด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่หลากหลายสไตล์มากขึ้นด้วย แต่ส่วนใหญ่ล้วนติดปัญหาเรื่องการชำระเงินและการขนส่ง ทำให้ผู้ก่อตั้งตัดสินใจรีแบรนด์ใหม่อีกครั้งในชื่อ SheInside และเพิ่มสินค้าแฟชั่นให้หลากหลายมากขึ้น พร้อมกับออกแบบระบบให้บริษัทสามารถส่งสินค้าไปได้เกือบทุกพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งในตอนนั้นบริษัทมีพนักงานอยู่ราวๆ 100 คน
จนกระทั่งในปี 2561 บริษัทได้รีแบรนด์อีกครั้งให้เป็น ‘SHEIN’ เพื่อสร้างการจดจำให้กลุ่มลูกค้าและทำการตลาดไปทั่วทุกมุมโลก ซึ่งบริษัทก็เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนย้ายสำนักงานใหญ่ไปยัง ‘สิงคโปร์’ และมีพนักงานทั้งหมดราวๆ 800 คน
ต่อมาในปี 2565 บริษัทมีเครือข่ายซัพพลายเออร์มากกว่า 3,000 รายที่มาร่วมธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นด้วยกัน ทำให้ SHEIN มีฟาสต์แฟชั่นราคาถูกให้เลือกเยอะ ถูกใจกลุ่มวัยรุ่น Gen Z จนมีรายได้สุทธิประมาณ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 25,466 ล้านบาท
[ เมื่อ SHEIN มีกำไรมากกว่า H&M ]
และในปี 2566 ที่ผ่านมา SHEIN มีกำไรอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราวๆ 72,760 ล้านบาท ขณะที่ H&M มีกำไรอยู่ที่ 820 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 29,104 ล้านบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า SHEIN จะเป็นบริษัทสัญชาติจีน แต่บริษัทก็มีแผนที่จะ IPO เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) ในเร็วๆ นี้ สาเหตุหลักๆ ก็มาจากความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและนโยบายต่างๆ ของจีน ทำให้ SHEIN อยากที่จะแต่งพอร์ตเข้าตลาดนิวยอร์กมากกว่า
แต่ทว่า SHEIN ก็ยังคงเผชิญอุปสรรคในการ IPO เข้าตลาดนิวยอร์กอยู่ไม่น้อย เพราะสหรัฐอเมริกามีการตรวจสอบการขนส่งทางอากาศของสินค้าจากบริษัทจีนที่ส่งตรงไปยังผู้ซื้อในสหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อกำจัดสินค้าเลี่ยงภาษีนำเข้า ซึ่ง SHEIN ก็เป็นหนึ่งในผู้ส่งสินค้าผ่านทางอากาศ ทำให้โดนจับตา
นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องจากฝ่ายนิติบัญญัติในวอชิงตันไปยัง กลต. สหรัฐฯ ให้ SHEIN เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง SHEIN กับรัฐบาลจีน และพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกด้วย
และดูเหมือนว่าการที่ SHEIN จะ IPO เข้าตลาดนิวยอร์กคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถึงแม้ว่าปัจจุบัน SHEIN จะตกแต่งพอร์ตด้วยการย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่สิงคโปร์ และมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายอื่นๆ จากหลายพื้นที่ทั่วโลก อาทิ Sequoia China (จีน), HongShan (บริษัทจีน), General Atlantic (บริษัทออสเตรเลีย), กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติอาบูดาบี (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าการเข้า IPO ในตลาดนิวยอร์กที่โดนตรวจสอบหนักขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเป็นไปได้ว่าจะเป็นไปตามรายงานของ Financial Times ที่ระบุว่า ตลาดหุ้นลอนดอน (LSEG) อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของ SHEIN แทน
ที่มา










