กรมอุทยานฯ เร่งคืนความเป็นธรรมให้ข้าราชการ แต่งตั้งใหม่ 4 หัวหน้าอุทยานฯ

นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมของบุคลากรกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมรับฟังการแถลงข่าวดังกล่าว ณ ห้องประชุม 401 ชั้น 4 อาคารศูนย์ปฏิบัติการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า จากปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมของบุคลากรกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2566 กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมตามคำสั่ง ที่ 409/2566 โดยมีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็น ประธานกรรมการ
สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ล่าสุดได้มีการแต่งตั้งและโยกย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ จำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย
1. อุทยานแห่งชาติทับลาน
2. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด
3. อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง
4. อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ซึ่งได้พิจารณาจากความสามารถในการบริหารจัดการพื้นที่ โดยเฉพาะการป้องกันและอนุรักษ์พื้นที่ประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมา ตลอดจนความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ สำหรับข้าราชการ ที่คิดว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว รักษาการราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เปิดโอกาสให้ข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถจัดทำหนังสือเสนอได้โดยตรง เพื่อนำมาพิจารณาการแต่งตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ เชิงพื้นที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้มีคำสั่งที่ 562/2566 ลงวันที่ 1 ก.พ. 66 มอบหมายหน้าที่การบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ เชิงพื้นที่ให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หัวหน้าวนอุทยาน หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่า บูรณาการการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ให้เป็นไปตามนโยบายและข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชาทุกระดับ
โดยให้สั่งการและใช้ทรัพยากรทางการบริหารของหน่วยงานต่างๆ ที่มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมกับภารกิจ เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เร่งด่วน ภัยพิบัติ หรือภัยอันตรายใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ หรือกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ตลอดจนทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่สำคัญในพื้นที่










