‘ชาดา’ เดดไลน์ ‘เจ้าพ่อเงินกู้-เจ้าหนี้’ นอกระบบ รีบขึ้นทะเบียน ได้ถึง 31 พ.ค.นี้ หากยังไม่มา เตรียมเจอ ‘สรรพากร’ตรวจสอบถึงบ้าน
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ในฐานะที่ปรึกษาของคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินนอกระบบ กล่าวในการแถลงข่าวแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ (16 พ.ค. 67) โดยสรุปกล่าวว่า แม้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการแก้หนี้ไปแล้วแสนกว่าราย แต่ไม่ใช่ทางออกดีที่สุด เพราะคนที่ยังยากจน ยังต้องกู้หนี้นอกระบบเพื่อมาใช้หนี้ไปเรื่อยๆ การแถลงข่าววันนี้เพื่อต้องการประกาศให้ถึงเจ้าหนี้ และลูกหนี้ให้ออกมาแสดงตัว
“ท่านจะมีนอมินีอย่างไรก็ตาม จะเคลียร์ทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด กับคนที่มีอาชีพเงินกู้นอกระบบ แต่ถ้าท่านเข้าสู่ระบบ เราจะดูแลให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เป็นหนี้เขาต้องใช้ แต่ใช้ในอัตราที่ไม่ทารุณ ไม่โหดร้าย… ต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เดดไลน์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่คนที่ผิดกฎหมายจะมีทางรอด โดยมาขึ้นทะเบียนกับรัฐบาล ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้ เพราะเราให้เวลามาพอสมควร เรารอไม่ไหวแล้ว” นายชาดา กล่าวตอนหนึ่ง
นายชาดา ย้ำว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสที่เจ้าหนี้เงินกู้จะสามารถทำมาหากินได้ถูกกฏหมาย ในช่วง 14-15 วันที่เหลือ เจ้าหนี้ต้องรีบขึ้นทะเบียนในแต่ละจังหวัด ต้องไปแจ้งเพื่อเข้าสู่ระบบ ซึ่งการแก้ไขครั้งนี้ไม่ได้ทำด้านเดียว ไม่ได้ทำครั้งเดียว
“ท่านจะมองว่าเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลังคงไม่เกี่ยวกับเรา ไม่มาถึงเราแน่ ท่านคิดผิด วันดีคืนดีจะมีเจ้าหน้าที่สรรพากรไปถึงบ้านท่าน แล้วตรวจสอบความเป็นอยู่ และรายได้ของท่าน ท่านหาคำตอบให้ดีแล้วกัน เราต้องการแก้หนี้อย่างยั่งยืน เราต้องการแก้ไขผิดกฏหมายให้ถูกกฏหมาย ดังนั้นรัฐบาลไม่ยอมและเพิกเฉย ใครที่โดนจับปล่อยกู้นอกระบบ ก็จะมีการตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นภาษี ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ง. ตามกฏหมายที่ว่ากันไป แต่สำหรับคนที่ไม่โดนจับ อยู่เบื้องหลังนั่งเป็นเจ้าพ่อเงินกู้อยู่ในประเทศไทยทุกวันนี้ ต้องโดนเข้าสู่ระบบ เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณ ถ้าไม่อย่างนั้นจะโดนการตรวจสอบที่เข้มข้น และจะว่ากันไม่ได้ว่าไม่ให้ความเป็นธรรม” นายชาดา ระบุ และว่า เราไม่ยอมให้คนไทยกู้หนี้มาใช้หนี้อีกแล้ว
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยจากตัวเลขสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า มีเงินหนี้นอกระบบ ประมาณ 50,000 ล้านบาท แต่คณะกรรมการแก้ไขหนี้สินนอกระบบมองว่า ตัวเลขของหนี้นอกระบบจริงๆ น่าจะประมาณแสนล้านบาท เรื่องนี้ทางรัฐบาลให้ความสำคัญและยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ
ทั้งนี้ นายชัย กล่าวว่า จากวันที่ 1 ธ.ค. 66 ถึง 29 ก.พ. 67 เปิดให้ลงทะเบียนหนี้นอกระบบ มีผู้เข้าร่วมโครงการ 152,000 ราย และเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 33,500 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 27,500 ราย ไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ประมาณ 6,000 ราย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และทำหน้าที่ที่ปรึกษาคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินนอกระบบ กล่าวว่า ในขณะนี้แม้มีการลงทะเบียน แต่ยังห่างจากจำนวนที่คิดว่า เป็นลูกหนี้นอกระบบ การดำเนินการในวันนี้ไม่ใช่เป็นการขยายเวลา แต่ยืนยันว่า กำหนดเวลาเดิมที่มีอยู่ ต้องการให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ต้องมาลงทะเบียนให้เรียบร้อย หากไม่มา เราจะมีแผนปฏิบัติงานจริงจังเข้มข้น
นายกิตติรัตน์ ย้ำว่า เจ้าหนี้นอกระบบประสงค์เข้าสู่ระบบ สามารถยื่นขอรับใบอนุญาตเพื่อประกอบการเป็นเจ้าหนี้ให้ถูกต้องที่กระทรวงการคลัง และทราบดีลูกหนี้จำนวนหนึ่งไม่กล้าลงทะเบียน เพราะเกรงว่าจะถูกคุกคาม แต่เจ้าหน้าที่พร้อมให้ความคุ้มครองเต็มที่
อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์ ยืนยันว่า การแก้หนี้ครั้งนี้ก็คุ้มครองเจ้าหนี้ด้วย เพราะแม้ลูกหนี้จะกู้เงินมา แม้อัตราดอกเบี้ยจะผิดกฏหมาย แต่การคืนเงินต้นให้ครบยังเป็นหน้าที่อยู่ แต่หากมีการตรวจสอบพบว่า มีการจ่ายดอกเบี้ยท่วมต้นไปแล้วก็ถือว่าจ่ายดอกเบี้ยจบแล้ว และเจ้าหนี้นอกระบบควรเข้ามาระบบ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยใหม่ เป็นไปตามที่รัฐกำหนด
พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.)ในฐานะผู้แทนของ รักษาการแทน ผบ.ตร. กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการระดมกวาดล้างหนี้นอกระบบต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2566 มีการจับกุมดำเนินคดีและยึดทรัพย์ พร้อขอให้ประชาชนเข้าสู่ระบบที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีทางกฏหมาย ไม่ว่าด้านอาญา หรือการยึดทรัพย์ ในส่วนของการคุ้มครองความปลอดภัยยืนยันว่า จะได้รับดูแลเป็นอย่างดี และการดำเนินคดีระหว่างตำรวจและอัยการไปในทิศทางเดียวกัน คดีที่มีการส่งฟ้องไปยังอัยการก็มีการดำเนินการเกือบ 100 % จึงขอให้มั่นใจว่า การเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องจะปลอดภัย ไม่ถูกดำเนินคดี
