รัฐสภาจะมีการประชุมร่วม ส.ส.และ ส.ว. เพื่อพิจารณาลงมติวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) ในวันศุกร์ที่ 10 ก.ย. 2564

สรุปเรื่องสำคัญในการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้
“ระบบใหม่” จากการแก้รัฐธรรมนูญ ปี 64
– จำนวน ส.ส. เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน
– ระบบเลือกตั้งแบบ ผสมตามเสียงข้างมาก (MMM หรือ Mixed Member Majoritarian)
– บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ (เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ)
– อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ได้มีการแก้ไขเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้ ส.ว. 250 คน ยังคงเลือกนายกฯ เหมือนเดิม
จากระบบเดิมเลือกตั้งปี 62
– จำนวน ส.ส. เขต 350 และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน (จากการคำนวณ ส.ส.พึงมี)
– ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม
– บัตรเลือกตั้ง 1 ใบ
– การเลือกนายกรัฐมนตรี ในเสียงจาก ส.ส. และ ส.ว.
3 เกณฑ์ ที่ร่างแก้รัฐธรรมนูญจะผ่าน
1. เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ปัจจุบันรัฐสภา มีเสียงที่โหวตได้ 730 เสียง (ส.ว. 250 + ส.ส. 480) โดยกึ่งหนึ่งของรัฐสภา คือ 365 เสียง ต้องได้เสียงโหวตมากกว่า 366 เสียงขึ้นไป
ข้อมูลวันที่ 8 ก.ย. 2564 นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ส.ส. พรรคภูมิใจไทย 2 คน คือ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง และ นายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีคำสั่งศาลฎีกา ได้มีคำสั่งรับคำร้องคดีระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช. กับ ส.ส.ทั้งสองคนดังกล่าว
2. เสียงเห็นชอบจาก ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง
3. เสียงเห็นชอบจาก ส.ส. ฝ่ายค้าน ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 2560 (ุ6) ระบุ “การออกเสียงคะแนนในวาระที่ 3 ขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา โดยในจำนวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุกพรรคเมืองดังกล่าวรวมกัน และมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา
จับท่าทีของฝ่ายต่างๆ
ฝ่ายสนับสนุน
พรรคการเมืองที่ออกตัวสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มากๆ ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้เสนอร่างฯ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย ที่จากการอภิปรายในวาระ 2 ที่ผ่านมา เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะสะท้อนความต้องการจากประชาชนได้มากกว่าการเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียว
ฝ่ายคัดค้าน
พรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นพรรคขนาดกลางและพรรคเล็ก มีทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย และล่าสุดที่ 7 พรรคเปิดแถลงข่าวในวันที่ 8 ก.ย. 2564 โดยรวมที่คัดค้านมองว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองใหญ่มากกว่าสะท้อนเสียงที่แท้จริงของประชาชน
ส.ว.ตัวแปรสำคัญ
ส่วนท่าทีของ ส.ว. ก่อนหน้านี้มี นายวันชัย สอนศิริ ที่ออกมาระบุว่า มีสัญญาณไม่ปกติ ที่ว่า ส.ว. อาจไม่ผ่านให้เหมือน วาระ 2 แต่หลังจากการแสดงความเห็นของนายวันชัยแล้วก็ยังไม่มีท่าทีอื่นใด ต้องติดตามว่าวันโหวต 10 ก.ย.นี้ จะมีการผันแปรอะไรหรือไม่ อย่างไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับสัญญาณ-รวมความเห็น ก่อนโหวตร่างแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ศุกร์นี้ 10 ก.ย. 64
กลุ่ม 7 พรรคเล็ก ประกาศมีมติคว่ำร่างแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ที่จะโหวต 10 ก.ย.นี้










