
วันที่ 18 ก.ค. เวลา 15.50 น. ที่รัฐสภา ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนจะขอใช้เวลาพูดถึงเรื่องความกังวลเรื่องรายได้ ซึ่ง 90% ที่ประมาณการไว้ คือการเก็บภาษีจากประชาชน
.
ระบบภาษีของไทย ที่ประมาณการคิดเป็นสัดส่วนของรายได้ประเทศ GDP ประมาณ 15-15.3% ขณะที่ประเทศที่เจริญแล้วที่มีสวัสดิการครบถ้วนจะอยู่ที่ 35% แต่ 15% ไม่ได้ต่ำเมื่อเทียบกับในอาเซียนที่อยู่ที่ 14%

คำถามคือ เก็บภาษี 15% เพียงพอหรือไม่ ซึ่งหากดูความต้องการเรื่องเดียว คือ การดูแลผู้สูงอายุ ปี 2563 มีผู้สูงอายุ 11 ล้านคน มีการตั้งงบดูแล 4.6 แสนล้านบาท ซึ่ง 70% ของส่วนนี้ คือการดูแลข้าราชการเกษียณ 2 ล้านคน โดยเฉลี่ยรับบำนาญ 2 หมื่นบาท/เดือน ไม่รวมค่ารักษาพยบาล ส่วน 30% ดูแลอีก 10 ล้านคน รับเฉลี่ยคนละ 1,000 บาท ต่อเดือน
.
อีก 15 ปีข้างหน้า ผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคน ด้วยราคาสินค้าวันนี้ ต้องใช้งบดูแล 1.16 ล้านล้านบาท และยิ่งหากจะเพิ่มให้คนไทยทุกคนได้รับสิทธิระดับเดียวกับข้าราชการต้องใช้เงิน ในปี 2563 คือ 2.5 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงเม็ดเงินรายได้ภาษีที่รัฐประมาณการทั้งหมด 2.9 ล้านล้านบาท
.
เท่ากับว่าถ้าวันนี้อยากดูแลพี่น้องวัยชราให้ดีขึ้น ต้องเพิ่มสัดส่วนภาษีต่อรายได้ประเทศเป็น 30% ซึ่งเราทำทันทีไม่ได้ ระบบเศรษฐกิจช็อต แต่เป็นเป้าหมายที่น่าคิดน่าทำ
.
ระบบภาษีของไทย 98% ของรายได้โดยรวมมาจากรายได้ของประชาชน เพียง 2% มาจากทรัพย์สิน ต้องเพิ่มภาษีในส่วนหลังมากขึ้น ประเทศไทยคนไทย 1% เป็นเจ้าของทรัพย์สิน 66.9% ของทั้งประเทศแต่เราแทบไม่เก็บภาษีคนกลุ่มนี้เลย

รัฐบาลที่แล้วผลักดันภาษีมรดกและภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ประสิทธิภาพในการจัดเก็บยังมีปัญหา
.
ภาษีมรดก ที่เริ่มจัดเก็บได้โดยรวมเก็บได้จากเพียงประชาชน 200 คน ในช่วง 3 ปี ได้ 770 ล้านบาทเท่านั้น ใครรวยจริงหนีได้ มีช่องโหว่ ผู้ที่เสียภาษีคือผู้ที่หลบไม่เป็น หรือไม่ได้รวยจริง กลายเป็นภาษีไม่ได้ช่วยแก้ความเหลื่อมล้ำ
.
ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่กำลังจะเริ่มจัดเก็บ 1 ม.ค. ตนไม่แน่ใจว่า ประชาชนและหน่วยราชการมีความพร้อมแค่ไหน รัฐบาลประเมิน รายได้แค่ 4 หมื่นล้านบาท น้อยกว่าโรงเรือนและบำรุงท้องที่เดิมด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ ตนมองว่าควรมองไปที่ภาษีนิติบุคคล ที่เฉลี่ยจ่ายจริงอยู่แค่ 17.6% จากอัตราปัจจุบัน 20% ถ้าเก็บได้ตามอัตราฐาน รายได้รัฐบาลเพิ่มเกือบ 2 แสนล้านบาท และอาจจะเพิ่มอัตราภาษีกับกิจการที่ได้สัมปทานผูกขาด หรือได้รับการปกป้องดูแลโดยรัฐโดยนโยบาย
.
นอกจากนี้ ยังมีภาษีอีกหลายชนิด ที่ผลักดันได้ เช่น ภาษีกำไร กรณีภาษีรายได้จากการขายที่ดิน ปัจจุบันเสียภาษีราคาประเมินที่ดินที่ต่ำกว่ามาก ถึงเวลาทบทวนแล้วหรือไม่









