ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ‘การบินไทย’ ต้องเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งจากปัญหาการบริหารจัดการภายในที่สะสมมายาวนาน และผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกหยุดชะงัก
จากเคยเป็นสายการบินที่รุ่งเรือง ก็กลับกลายเป็นบริษัทที่ต้องเข้าสู่ภาวะล้มละลายทางบัญชี ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด จนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในที่สุด
[ ฟางเส้นสุดท้าย ]
หากย้อนไปตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19 การบินไทยก็มีปัญหาทางการเงินอยู่แล้ว รายได้ต่อเที่ยวบินต่ำกว่าค่าใช้จ่ายมาหลายปีติดต่อกัน และยังมีภาระต้นทุนที่สูง การบริหารเส้นทางบินขาดประสิทธิภาพ และการลงทุนในหลายโครงการที่ผิดพลาด
พอมาเจอการระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มขึ้นในปี 2563 สายการบินหลายแห่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และสำหรับการบินไทย ที่บริษัทมีขาดทุนสะสมมาอยู่แล้วหลายปี การสูญเสียรายได้จากผู้โดยสารเกือบทั้งหมดในตอนนั้นคือ ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ ที่ทำให้บริษัทต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
โดยในเดือนพฤษภาคม 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยไม่ใช่การอัดฉีดเงินช่วยเหลือ แต่เปลี่ยนสถานะจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทเอกชน พร้อมให้ศาลล้มละลายกลางเป็นผู้ควบคุมแผนทั้งหมด
[ เข้าสู่แผนฟื้นฟู ]
ตลอดระยะเวลาหลายปีภายใต้แผนฟื้นฟู การบินไทยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้กิจการยังเดินต่อไปได้ โดยมีการดำเนินมาตรการสำคัญหลายด้าน ได้แก่
การลดค่าใช้จ่ายและปรับโครงสร้างองค์กร ลดจำนวนพนักงานลงกว่าครึ่ง พร้อมปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ โดยบางส่วนแปลงหนี้เป็นทุน และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน
การปรับโครงสร้างทุน ลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จาก 10 บาท เหลือ 1.30 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมและปูทางสู่การกลับมาจ่ายปันผลในอนาคต
รวมถึงการฟื้นฟูรายได้และเส้นทางบิน ปรับเส้นทางบินให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด เพิ่มความถี่ในเส้นทางทำเงิน และเตรียมรับมอบเครื่องบินใหม่เพื่อตอบรับการเติบโต
[ จากขาดทุนสู่กำไร ]
ความพยายามไม่เคยทรยศใคร จากวันที่กำไรติดลบสู่วันที่บริษัทกลับมามีกำไรอีกครั้งได้สำเร็จ โดยตลอดช่วงหลายปี มานี้การบินไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ และชัดเจนขึ้นตามลำดับ พาดูกำไรสุทธิย้อนหลังตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ถึงปัจจุบัน
- ปี 2560 กำไรสุทธิ -2,170 ล้านบาท
- ปี 2561 กำไรสุทธิ -11,625 ล้านบาท
- ปี 2562 กำไรสุทธิ -12,042 ล้านบาท
- ปี 2563 กำไรสุทธิ -114,180 ล้านบาท
- ปี 2564 กำไรสุทธิ 55,118 ล้านบาท
- ปี 2565 กำไรสุทธิ -272 ล้านบาท
- ปี 2566 กำไรสุทธิ 28,096 ล้านบาท
- ปี 2567 กำไรสุทธิ -26,933 ล้านบาท
- ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 กำไรสุทธิ 9,831 ล้านบาท
อาจจะเห็นว่าในปี 2567 กำไรสุทธิมีการติดลบเกิดขึ้นและเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะ ต้องอธิบายว่าแม้จะขาดทุนแต่ก็เป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
และไม่ได้ส่งผลต่อการออกจากการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ภายหลังการปรับโครงสร้างทุนยังคงเป็นบวกอยู่
เท่ากับว่านับตั้งแต่ปี 2566 ‘การบินไทย’ มีผลการดำเนินการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2568
[ กลับสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ]
ผลจากการเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ คือการถูก ‘พักการซื้อขายหุ้น’ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยทันทีที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับแผนฟื้นฟูในปี 2563 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ขึ้นเครื่องหมาย ‘C’ พร้อมสั่งห้ามการซื้อขายชั่วคราวเนื่องจากบริษัทอยู่ในสถานะที่มีความไม่แน่นอนสูง
และจากที่เล่าไปว่าบริษัทเองก็ใช้ความพยายามในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หาวิธีในการที่จะทำให้กิจการเดินต่อไปได้จนมาถึงตอนนี้ที่บริษัทกลับมามีกำไรอีกครั้ง และพร้อมที่จะกลับคืนสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง
โดยเมื่อ 8 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการมีมติอนุมัติให้จดทะเบียนเลิกกิจการบริษัทภายหลังดำเนินการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจการบินสำเร็จลุล่วงตามแผนเป็นอย่างดี
สำหรับความคืบหน้าในการออกจากการฟื้นฟูกิจการ ภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อ 18 เมษายน 2568 ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ และได้ดำเนินการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568
ส่งผลให้ บริษัทฯ ดำเนินการตามผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการเมื่อ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา
ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยศาลล้มละลายกลางกำหนดนัดไต่สวนคำร้องอีกครั้ง 4 มิถุนายน 2568
[ บทเรียนที่ไม่มีวันลืม ]
นับจากวันที่ ‘การบินไทย’ ต้องเผชิญภาวะเกือบล้มละลาย สูญเสียสถานะรัฐวิสาหกิจ ขาดทุนสะสมมหาศาล และต้องหยุดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
เหล่านี้คือบทเรียนราคาแพงขององค์กรที่เคยยิ่งใหญ่ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่ปี การบินไทยได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัวและบริหารจัดการวิกฤติอย่างจริงจัง
วันนี้ ‘การบินไทย’ กำลังจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการอย่างเป็นทางการ พร้อมกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งในฐานะบริษัทที่มีความแข็งแรงทางการเงินและมีทิศทางการเติบโตชัดเจน
แม้จะยังมีความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า แต่การรอดชีวิตจากจุดตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ กลายเป็นบทพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่และจะเป็นบทเรียนที่ไม่มีวันลืมของ ‘การบินไทย’
.
#TODAYBizview
#MAKETomorrowTODAY










