สถานการณ์ต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้ คาดกันว่าจบปีตัวเลขรวมนักท่องเที่ยวสะสมจะลดลงจากปีก่อน สาเหตุสำคัญมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยว ‘จีน’ หายไป แม้ทุกการวิเคราะห์จะบอกว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาติอื่น ทยอยเข้ามาแทนที่จีน เช่น นักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรป อินเดีย หรือตะวันออกกลาง แต่ความจริงแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายธุรกิจในไทยที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวจีนมานาน หรือบางธุรกิจแทบจะเรียกได้ว่า เน้นขายกันกับทัวร์จีนอย่างเดียวต่างโอดครวญถึงผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง
โดยคาดการณ์กันว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวปีนี้จะหดตัวจากปีก่อน 2.8%
แล้วสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยตอนนี้เป็นอย่างไร? ทิศทางท่องเที่ยวไทยจะเป็นอย่างไรต่อ? TODAY Bizview จะมาสรุปให้ครบจบผ่านบทความนี้
คาดการณ์ว่าทั้งปี 2568 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยอาจอยู่ที่ประมาณ 34.5 ล้านคน หดตัว 2.8% ครั้งแรกในรอบ 3 ปี
เรามาเริ่มดูจากกลุ่มหลักอย่าง นักท่องเที่ยวจีนก่อน จะเห็นว่าหลังจากตรุษจีนในเดือนมกราคมของปี 2025 ยอดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยหดตัวรุนแรงเกือบครึ่ง เหลือเพียงเดือนละไม่ถึง 300,000 คน
ถ้ามองไปในมุมผู้ประกอบการไทย หลายแห่งยอมรับว่าฐานลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีรสนิยมการท่องเที่ยวที่เปย์ค่อนข้างหนักกว่าชาติอื่นอย่างมาก
อย่างเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มชา KARUN เคยให้สัมภาษณ์กับ TODAYBizview ว่า ร้านชาไทยสาขาสยามพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ ซบเซาอย่างมากตั้งแต่นักท่องเที่ยวจีนหด เพราะกลุ่มนี้มาครั้งหนึ่งจ่ายหลักหลายร้อยบาทต่อบิล เพราะสั่งหลายแก้ว ทำให้ตอนนี้ต้องปรับตัวไปหานักท่องเที่ยวชาติอื่น เช่น ตะวันออกกลาง
อีกทั้ง ถ้าดูข้อมูลจะพบว่าก่อนโควิด นักท่องเที่ยวจีนกว่า 40% ที่มาไทยมักมาในรูปแบบ กรุ๊ปทัวร์ แม้จ่ายน้อยต่อหัว แต่ ปริมาณมหาศาล ทำให้เม็ดเงินสะพัด ในทัวร์ก็พากินร้านใหญ่ ช้อปในจุดขายหลัก เสียค่าคอมมิชชั่นให้ร้านค้าท้องถิ่นสูง
แต่วันนี้พฤติกรรมเปลี่ยน นักท่องเที่ยวจีน เดินทางแบบอิสระมากขึ้น จึงใช้จ่ายเฉพาะสิ่งที่อยากจ่าย แต่ก็ยังสูงอยู่ดี เพราะนักท่องเที่ยวจีนมีรสนิยมชื่นชอบสินค้าไทย เช่น ยาดม ครีม สกินแคร์ สมุนไพร และ เมคอัพราคาย่อมเยา
ที่ผ่านมาไทยพยายามออกนโยบายต่างๆ เพื่อเอื้อให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทย แต่จากข่าวลักพาตัวนักแสดงจีน ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทยได้รับผลกระทบในสายตานักท่องเที่ยวจีน ขณะเดียวกันไทยอาจเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ช้ำ มาบ่อยแล้ว
ขณะที่อีกส่วนสำคัญปฏิเสธไม่ได้เลย คือ รัฐบาลจีนเองก็รณรงค์ให้คนจีนเที่ยวจีนกันเอง มากขึ้น เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายใน จึงเป็นเหตุให้ในระยะยาวนักท่องเที่ยวจีนอาจยังไม่ฟื้นตัวกลับมาไทยง่ายๆ
[ นักท่องเที่ยวยุโรป อินเดียเข้ามาไทยเยอะ แต่ไม่จ่ายหนัก ไทยต้องเที่ยวไทยกันเอง ]
ปัจจุบันมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่กำลังนิยมมาเที่ยวไทยมาก อย่างยุโรปและอินเดีย ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ภาคท่องเที่ยวไทยควรให้ความสำคัญมากขึ้นในอนาคต
ช่วง 4 เดือนแรกของปีนักท่องเที่ยวยุโรปและเอเชียใต้ฟื้นตัวได้ประมาณ 120% ของช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 และคิดเป็นสัดส่วนนักท่องเที่ยวเกือบ 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา
แต่ทว่าพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว 2 กลุ่มนี้มีความแตกต่างจากนักท่องเที่ยวจีนค่อนข้างชัดเจน ซึ่งนำไปสู่การกำหนดนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่
เช่น ในมิติของพื้นที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวยุโรปส่วนใหญ่นิยมท่องเที่ยวภาคใต้เป็นหลัก รองลงมาคือภาคตะวันออกอย่างพัทยา และกรุงเทพฯ ส่วนนักท่องเที่ยวอินเดียมีความคล้ายคลึงกับนักท่องเที่ยวจีน คือ ครึ่งหนึ่งท่องเที่ยวกรุงเทพฯ เป็นหลัก รองลงมาคือภาคตะวันออกและภาคใต้
ขณะที่ในมิติของรูปแบบการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวจีน โดยนักท่องเที่ยวยุโรปและอินเดียใช้จ่ายกับที่พักและโรงแรมมากกว่านักท่องเที่ยวจีน ขณะเดียวกันมีการเดินทางภายในประเทศต่ำกว่า
สะท้อนว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มักจะท่องเที่ยวเพียงไม่กี่สถานที่และให้ความสำคัญกับคุณภาพของที่พักเป็นหลัก โดยนักท่องเที่ยวอินเดียจะให้ความสำคัญกับกิจกรรมบันเทิงต่างๆ และการชอปปิ้งมากกว่าชาวยุโรป
ส่วนนักท่องเที่ยวยุโรปให้ความสนใจการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เน้นอาหารข้างทาง หรือ Street food และชอปปิ้งเครื่องประดับของที่ระลึกต่างๆ ขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียจะให้ความสนใจในร้านอาหารน้อยกว่า แต่สนใจกิจกรรมยามค่ำคืน หรือ Night life การนวดและทำสปา และชอปปิ้งเสื้อผ้ากับผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
รัฐบาลอาจจะต้องมีมาตรการกระตุ้นในส่วนนี้ เพื่อให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาติอื่นนอกจากจีน ได้เข้ามาในประเทศเรามากขึ้น
ท่ามกลางสถานการณ์การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนยังไม่แน่นอน และนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ก็ยังต้องอาศัยเวลาปรับตัว เศรษฐกิจในส่วนการท่องเที่ยวไทยจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมอง และเปลี่ยนเกม ให้เร็วขึ้น
ไม่ใช่แค่เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมและรสนิยมที่แตกต่างกันของนักท่องเที่ยวแต่ละชาติอย่างลึกซึ้ง เพราะนักท่องเที่ยวเองก็มีตัวเลือกอื่นประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้ไทยแล้ว
[ เที่ยวไทยคนละครึ่งกระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศ ]
อีกทางออกหนึ่งคือ การที่รัฐบาลกำลังผลักดันให้คนไทยเที่ยวในไทยกันเอง ด้วยโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” วงเงิน 1,780 ล้านบาท
ต้องติดตามว่าช่วงกลางปีเป็นต้นไปจนถึงปลายปีที่เป็นไฮซีซั่น โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายการบริโภคภายในประเทศ ที่ตอนนี้เริ่มซบเซาได้กี่มากน้อย
ที่มา
-
-
-
-
- https://advicecenter.kkpfg.com/th/kkp-research/thailand-tourism-situation-2025
- https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/TH-Tourism-CIS3581-FB-2025-05-16.aspx
-
-
-










