‘ประเทศไทย’ ในสายตาต่างชาติ เติบโตมีอนาคตแค่ไหน

‘ประเทศไทย’ ในสายตาต่างชาติ เติบโตมีอนาคตแค่ไหน

การเงิน

เปิดทิศทางเศรษฐกิจไทย ในสายตาซีอีโอ Newton Investment Management ในเครือ BNY Mellon IM บริษัทด้านการจัดการการลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก

‘Euan Munro’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Newton Investment Management ได้แชร์มุมมองเกี่ยวกับประเทศไทยว่ามีมุมมองในเชิงบวกต่อการฟื้นตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจของประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวกลับมาใกล้เคียงกับระดับก่อนโควิด – 19 การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะช่วยสนับสนุนตลาดในภาคการบริการและการท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น

และยังเห็นมองโอกาสที่น่าสนใจในภาคเทคโนโลยีของประเทศไทย เนื่องจากสหรัฐฯ และจีนเป็นผู้นำในตลาดเฉพาะด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งเชื่อว่าการพัฒนาเทคโนโลยีในระยะต่อไปจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างเครื่องจักรกลและซอฟต์แวร์

เช่น เทคโนโลยีด้าน Internet of Things (IoT) และเครื่องจักรกลอัจฉริยะต่างๆ ประเทศไทยมีความสามารถเหมาะสมที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มการพัฒนานี้ ตัวอย่างเช่นการเป็นผู้ผลิตส่วนประกอบต่างๆ เป็นต้น

นอกจากนี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นไทย เกาหลี และญี่ปุ่น นั้นมีความสามารถในการเชื่อมโยงระหว่างซอฟต์แวร์และเครื่องจักรกลต่างๆ ได้ดีกว่าเมื่อเที่ยบกับสหรัฐฯ เชื่อว่านี่คือโอกาสที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย

ในขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียก้าวสู่การเติบโตอย่างเต็มที่ ก็ยังมีโอกาสที่ซ่อนอยู่สำหรับกลุ่มบริษัทที่มุ่งเน้นการสร้างรายรับ ซึ่งนำเสนอรายได้ที่ค่อนข้างน่าดึงดูดต่อนักลงทุน

อีกภาคส่วนที่ชอบในประเทศไทยคือภาคการแพทย์ ส่วนหนึ่งมาจากสภาวะประชากรสูงวัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเอง

รวมทั้งภาคการดูแลสุขภาพและการแพทย์ในไทยมีทั้งทักษะและราคาที่แข่งขันได้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวด้านสุขภาพจากต่างประเทศ

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของบริษัทในภาคส่วนนี้ และจากการที่มีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ที่สำคัญมองว่าปัญหาความขัดแย้งในยูเครนซึ่งได้เพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน และกำแพงภาษีสำหรับสินค้านำเข้าต่างๆ ที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้กำหนดขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศตะวันตกสูงขึ้น

แต่ในความเห็นมองว่าการแข่งขันของมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดโอกาสสำหรับประเทศต่างๆ เช่น ประเทศไทย ที่จะใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของพลวัตทางการค้า โดยประเทศไทยสามารถเป็นคู่ค้าทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสหรัฐอเมริกา

ในขณะที่บริษัทต่างๆ พยายามที่กระจายห่วงโซ่อุปทานของตนและลดการพึ่งพาเพียงตลาดเดียว เราเชื่อว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านห่วงโซ่อุปทานมาสู่ประเทศไทยมากขึ้น

ส่วนของการลงทุนนั้น ปัจจุบันพบว่านักลงทุนไทยสนใจที่จะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แม้ว่ากลยุทธ์ในการจัดการสินทรัพย์จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละนักลงทุน

แต่คำแนะนำที่สำคัญที่สุดคือการมุ่งเน้นด้านการกระจายความเสี่ยง การสร้างรายได้จากกลุ่มสินทรัพย์ทุนทั่วโลกอาจเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ดีสำหรับรวมไว้ในพอร์ตโฟลิโอ

ปัจจุบันพบว่า หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ในตลาดสหรัฐฯ มีการซื้อขายด้วยปริมาณจำนวนเท่าของมูลค่าต่อกำไรที่สูงมาก จึงแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาบริษัทในประเทศอื่นๆ ในโลกเพิ่มเติมด้วย

เนื่องจากปัจจุบันกำลังอยู่ในโลกที่มีการเติบโตค่อนข้างต่ำและมีอัตราเงินเฟ้อสูง การลงทุนในพันธบัตรจึงไม่ได้ให้ความคุ้มครองต่อนักลงทุนมากนักในประเทศไทย 

เมื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในประเทศซึ่งอยู่ที่ 2.5% นักลงทุนไทยจะได้รับประโยชน์มากกว่าจากการลงทุนในตราสารทุนระหว่างประเทศ และรายได้จากตราสารทุนจะเต็บโตก้าวตามอัตราเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ แนะนำอาจเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในภาคส่วนบริการการแพทย์ของประเทศไทยหากเทียบกับการลงทุนในภาคเทคโนโลยีทั่วไป

แต่จะมีปริมาณมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถในการรองรับความเสี่ยงและวัตถุประสงค์ของนักลงทุนแต่ละคน

TODAY BizviewWriterTODAY Bizview
TODAY Bizview by workpointTODAY
ข่าว สาระ ความรู้ ด้านธุรกิจในประเทศและต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง