จับตา ‘ยางรถยนต์’ อเมริกานำเข้าจากไทยอันดับ 1 ‘ทรัมป์’จะเก็บภาษีตอบโต้แค่ไหน?

จับตา ‘ยางรถยนต์’ อเมริกานำเข้าจากไทยอันดับ 1 ‘ทรัมป์’จะเก็บภาษีตอบโต้แค่ไหน?

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมจะประกาศ ‘อัตราภาษีใหม่’ กับสินค้านำเข้าหลายรายการภายในเดือนมีนาคม-เมษายน หรืออาจเร็วกว่านั้น

โดยเขาบอกว่ากำลังวางแผนเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา ที่จะนำเข้ามาขายในสหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวนี้เพิ่มความกังวลให้กับภาคธุรกิจต่างๆ อย่างมาก สำหรับประเทศไทย ก็อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ

เคสของไทยคือ ส่วนต่างระหว่างอัตราภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากไทย และไทยเก็บจากสหรัฐฯ โดยภาษีนำเข้าที่สหรัฐเรียกเก็บจากไทยในส่วนของรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ คือ 2.5% ในขณะที่ไทยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเดียวกันจากสหรัฐฯ สูงถึง 20-80%

[ จับตายางรถยนต์ สหรัฐนำเข้าจากไทยมากที่สุด เสี่ยงเจอเก็บภาษีตอบโต้ ]

ที่ผ่านมาหลังจีนโดนขึ้นภาษีนำเข้ายางรถยนต์จากมาตรการต่างๆ ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2558 ทำให้มีการเข้ามาลงทุนผลิตยางรถยนต์ในไทยก็เพิ่มขึ้น จนไทยขึ้นเป็นผู้นำส่งออกยางรถยนต์ไปสหรัฐฯแทนจีน

แต่ปีนี้โอกาสส่งออกยางรถยนต์ไทยต้องเผชิญความเสี่ยงอีกครั้ง หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า อาจเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ในอัตราเท่าเทียมกับประเทศที่เกินดุลสูงกับสหรัฐฯ โดยยางรถยนต์อาจเป็นหนึ่งในนั้น?

แต่ก็มีมุมมองจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าปีนี้ การส่งออก ‘ยางรถยนต์ไทย’ ไปสหรัฐฯ โดยรวมน่าจะยังมีโอกาสขยายตัว 5% หรือคิดเป็นการส่งออกยางรถยนต์รวม 61 ล้านเส้น เนื่องจากยางรถยนต์นั่ง และรถปิกอัพ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 72% ของปริมาณส่งออกยางล้อทุกประเภทไปยังสหรัฐฯ ยังสามารถแข่งขันด้านราคาได้ แม้กรณีที่ไทยและประเทศคู่แข่งถูกเก็บภาษีตอบโต้

อย่างไรก็ตามหากไทยเป็นประเทศเดียวที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้ หรือคู่แข่งถูกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า ย่อมกระทบความสามารถในการแข่งขันของยางรถยนต์ไทยอย่างไม่อาจเลี่ยง

ตอนนี้ สหรัฐฯ นำเข้ายางรถยนต์จากไทยเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 58 จนล่าสุดในปี 67 ไทยมีส่วนแบ่งสูงถึง 26% ของตลาดยางรถยนต์นำเข้าของสหรัฐฯ หรือคิดเป็นกว่า 58 ล้านเส้น โดยแบ่งเป็นยางรถยนต์นั่ง และ รถปิกอัพ 42 ล้านเส้น และยางรถบัส และรถบรรทุก 16 ล้านเส้น ซึ่งในแต่ละประเภทยาง พบว่า สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยในปริมาณที่สูงกว่าคู่แข่งอันดับ 2 อย่างเม็กซิโก และเวียดนาม ถึงเกือบเท่าตัว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หากไทยและประเทศคู่แข่งต่างก็ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ ผลกระทบต่อการส่งออกยางรถยนต์นั่ง และรถปิกอัพไทยไปสหรัฐฯ อาจไม่มาก

โดยโอกาสการส่งออกยางรถยนต์นั่ง และรถปิกอัพไปสหรัฐฯ คาดยังไปต่อได้ พิจารณาจาก
เหตุผล คือ

– อัตราภาษีนำเข้ายางรถยนต์นั่ง และรถปิกอัพของไทยที่ต่ำกว่าคู่แข่ง แม้กรณีถูกเก็บภาษีตอบโต้แล้ว เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าปัจจุบันของไทยอยู่ในระดับไม่สูงแค่ 7.82% ซึ่งมากกว่าอัตราภาษีปกติ 4% ที่เก็บเป็นการทั่วไปเพียงเล็กน้อย และภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ อาจเก็บจากไทยก็อยู่ในอัตราเพียง 10% ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่ง

– ราคายางรถยนต์นั่ง และรถปิกอัพจากไทยที่รวมภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แล้ว คาดว่าจะต่ำกว่าคู่แข่งหลักแม้กรณีถูกเก็บภาษีตอบโต้เพิ่ม เนื่องจากทั้งราคานำเข้าตั้งต้นและอัตราภาษีตอบโต้ที่ไทยอาจถูกเก็บนั้น ต่างอยู่ในอัตราไม่สูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

แต่ส่วนที่อาจจะเสี่ยง คือ การส่งออกยางรถบัส และรถบรรทุกไปสหรัฐฯ ที่อาจเจอความเสี่ยงด้านราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา พิจารณาจาก

– อัตราภาษีนำเข้ายางรถบัส และรถบรรทุกของไทยที่จะสูงกว่าคู่แข่งหากถูกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าปัจจุบันของไทยสูงกว่าคู่แข่งอยู่แล้วที่ 16.33% ทำให้แม้จะเจอภาษีตอบโต้ในอัตราที่ต่ำกว่า แต่อัตราภาษีนำเข้าโดยรวมที่ไทยจะถูกเก็บ ก็จะยังคงอยู่สูงกว่าคู่แข่งทั้งหมด

– ราคายางรถบัส และรถบรรทุกจากไทยที่รวมภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แล้ว คาดว่าจะอยู่สูงกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะเวียดนามและกัมพูชา ที่ราคาต่ำกว่าไทยไม่น้อยกว่า 24% และกำลังทยอยเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ ขึ้นเรื่อยๆ

สถานการณ์ตอนนี้จึงต้องจับตาให้ดีว่าเดือนมีนาคมนี้สหรัฐจะประกาศมาตรการตอบโต้ภาษีสินค้ารายการอะไรบ้าง และมีประเทศไทยเข้าไปอยู่ในลิสต์ด้วยหรือไม่

Chalathip ThirasoonthrakulWriterChalathip Thirasoonthrakul
Business and Economics Editor
[email protected]

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง