กตัญญูทำไม ในเมื่อเราอยู่คนเดียวได้: ชวนมองปรากฏการณ์ทางสังคมเกาหลีที่เปลี่ยนไปใน The Glory
ซีรีส์เกาหลีที่ร้อนแรง น่าจับตามอง และใคร ๆ ก็ต้องพูดถึงช่วงนี้คงไม่พ้น The Glory ผลงาน Original Series จากแพลตฟอร์ม Netflix หลังจากที่ Part 2 ตอน 9 ถึง 16 ได้ปล่อยออกมาให้รับชมในวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม ไม่ถึงวันก็ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งประเภท TV Show ในประเทศไทย ถัดมาอีกสามวันทะยานขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งของโลก ยังไม่รวมติดอันดับ TOP10 กว่า 89 ประเทศทั่วโลก ด้วยเรื่องราวการแก้แค้นของ “มุนดงอึน” ครูชั้นประถมศึกษาที่กลับมาเอาคืนเพื่อนในวัยเด็กที่เคยใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายเธออย่างแสนสาหัส นอกจากความเข้มข้นของเนื้อเรื่องที่ตัวละครต่างเชือดเฉือนกันแล้ว ธาตุแท้หรือด้านมืดในจิตใจมนุษย์ก็เป็นอีกด้านที่ผู้ชมติดตามว่าตัวละครจะไปสุดถึงขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเรื่องการใช้ความรุนแรงในโรงเรียน (학폭: 학교 폭력) The Glory ยังมีประเด็นเชิงวัฒนธรรมที่น่าขบคิดและปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าสังเกตให้ชวนติดตามอยู่ มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
(เนื้อหาบางส่วนต่อไปนี้ อาจเปิดเผยเนื้อเรื่องบางช่วงของซีรีส์เล็กน้อย แต่ไม่เฉลยหรือคลี่คลายประเด็นสำคัญ)
ขงจื๊อ ค่านิยมที่ฝากรากลึกในสังคมเกาหลีจากอดีตสู่ปัจจุบัน


อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันคนเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ไม่นับถือศาสนา แต่ในเรื่องความเชื่อนั้น มีชาวเกาหลีไม่น้อยศรัทธาความเชื่อท้องถิ่นอย่างการทรงเจ้าเข้าผี หรือ ลัทธิมูซก (무속 신앙) ดังที่เราเห็นฮง-ยองแอ แม่ของพัคยอนจินเดินทางไปทำพิธีขับไล่วิญญาณร้าย หรือขอเครื่องรางจากแม่หมอมาพกติดตัว ลัทธิมูเป็นที่ยึดเหนี่ยวของคนเกาหลีก่อนที่ประเทศจะรับศาสนาพุทธเข้ามาในสมัยสามอาณาจักร พุทธศาสนาได้รับการอุปถัมภ์จากราชสำนัก ส่งอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ และศิลปวัฒนธรรมโดยรวมในช่วงอาณาจักรโครยอ (ปี 918-1392) ขณะเดียวกันลัทธิหรือแนวคิดขงจื๊อ (유교; 儒敎) ซึ่งเป็นเสมือนหลักในการปกครองก็เป็นที่แพร่หลายในชนชั้นกษัตริย์และขุนนางในยุคโครยอ

ในราวปลายศตวรรษที่ 12 ปลายสมัยราชวงศ์ซ่งของจีน ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบความคิดขงจื๊อในจีน จูซี (Chu Hsi / Zhu xi) ได้ศึกษาคำสอนทางสังคมของขงจื๊อ และจัดทำระเบียบคำสอนใหม่ เช่น หลักปรัชญาการปกครองแบบขงจื๊อ ปรัชญาด้านความคิดและจิตใจ แนวคิดเรื่องระบบครอบครัว เรียกแนวคิดดังกล่าวกว่า “ลัทธิขงจื๊อใหม่” (Neo-Confucianism; 성리학; 性理學) นอกจากลัทธิขงจื๊อใหม่จะให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ของบุคคลในครอบครัว การทำความดี เช่น การกตัญญูรู้คุณ และจงรักภักดีต่อผู้ปกครองตามแนวคิดขงจื๊อเดิมแล้ว ยังเน้นคำสอนว่ารัฐต้องมีผู้ปกครองที่สติปัญญาและคุณธรรม โดยที่สติปัญญาและคุณธรรมต้องได้มาจากการศึกษาแนวคิดขงจื๊ออย่างแตกฉาน
เกาหลีรับแนวคิดขงจื๊อใหม่เข้ามาในช่วงปลายสมัยโครยอ แต่เป็นที่นิยมศึกษาในกลุ่มขุนนางรุ่นใหม่ ยังไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมขึ้น ต่อมาเมื่อนายพล อีซองเกย หรือพระเจ้าแทโจ ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์โชซอน (ปี 1392-1897) ได้ทรงอุปถัมภ์ลัทธิขงจื๊อใหม่อย่างเป็นทางการ และนำมาประยุกต์ปรับใช้ให้เข้ากับสังคมเกาหลี โดยผนวกรวมเข้าไปใช้กับการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ประเพณีและพิธีกรรม เพื่อให้สมาชิกในสังคมมีจริยธรรม รวมถึงสังคมมีความสงบ และเป็นระเบียบ ระบบขงจื๊อในเกาหลีจึงมีเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของตน และส่งอิทธิพลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมกระทั่งในปัจจุบัน
แม้ศาสนาคริสต์จะถูกเผยแผ่ในเกาหลีช่วงปลายสมัยโชซอน แต่แนวคิดขงจื๊อใหม่ก็ยังฝังรากลึก เป็นแนวปฏิบัติที่คนเกาหลียึดถือมาถึงทุกวันนี้ ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ “พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ” หรือ เชซา (제사; 祭祀) เป็นพิธีแสดงการคารวะวิญญาณของบรรพบุรุษ รวมทั้งเทพยดาฟ้าดิน โดยนำอาหารมาเซ่นไหว้ ผู้ประกอบพิธีส่วนใหญ่จะเป็นลูกชายคนโตของตระกูล พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษมีด้วยกันสองลักษณะ คือ คีอิล (기일; 忌日) หรือการเซ่นไหว้ในวันที่บรรพบุรุษเสียชีวิต จัดในตอนกลางคืน และ ช่า-รเย (차례; 茶禮) การเซ่นไหว้ในวันปีใหม่และเทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือวันชูซ็อก (추석) จัดในตอนกลางวัน ในเรื่อง The Glory เราจะได้เห็นฉากหนึ่งที่พระเอก หรือคุณหมอยูจองกลับไปบ้านเพื่อทำพิธีเซ่นไหว้ในวันที่พ่อเสียชีวิต มีการเขียนป้ายบูชาบรรพบุรุษ (지방; 紙榜) เพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณ


เรื่องราวความดราม่าที่เกิดขึ้นใน The Glory มีส่วนเกี่ยวพันกับแนวคิดขงจื๊ออยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ “สถาบันครอบครัว” เมื่อมุนดงอึน ตัวเอกของเรื่องถูกแม่ทอดทิ้ง ขายศักดิ์ศรีของลูก และทำลายชีวิต ธรรมเนียมขงจื๊อหนึ่งที่คนเกาหลีเคร่งครัดยึดถือมาตั้งแต่สมัยโชซอนคือ “ซัมกัง-โอ-รยุน” (삼강오륜; 三綱五倫) หรือ กฎระเบียบ 3 ประการ และจริยธรรม 5 ประการ โดยระเบียบ 3 ประการจะพูดถึงหลักปฏิบัติ 3 ข้อ คือ “ข้าราชการพึงต้องจงรักภักดีต่อกษัตริย์” “บุตรชายพึงต้องเลี้ยงดูบิดา” และ “ภรรยาพึงต้องดูแลสามี ”ส่วนจริยธรรม 5 ประการนั้นจะพูดถึงความสัมพันธ์ย่อย 5 ข้อดังนี้
- กษัตริย์กับข้าราชบริพารพึงต้องมีคุณธรรมต่อกัน (กษัตริย์ต้องให้เกียรติข้าราชบริพาร และข้าราชบริพารต้องจงรักภักดีต่อกษัตริย์)
- พ่อแม่กับลูกๆพึงต้องใกล้ชิด สนิทสนมกัน (พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูลูก ลูกต้องกตัญญูต่อพ่อแม่)
- สามีภรรยาพึงต้องมีการแบ่งแยก (ทำหน้าที่ของตัวเองให้เหมาะสม)
- ผู้อาวุโสและผู้น้อยพึงต้องมีลำดับ (ทั้งคู่ต่างต้องเคารพซึ่งกันและกัน)
- สหายต่างต้องเชื่อใจ ไว้ใจซึ่งกันและกัน
จะสังเกตได้ว่าหลักปฏิบัติและจริยธรรมดังกล่าว มีจุดร่วมประการหนึ่งที่สำคัญคือการเชื่อเรื่องการเคารพ จงรักภักดีต่อผู้ที่มีอำนาจ หรือผู้อาวุโส ในครอบครัวพ่อเป็นหัวหน้า เป็นคนที่ใหญ่สุด มีหน้าที่ดูแลครอบครัว เปรียบเสมือนหัวหน้ารัฐที่ดูแลผู้ใต้ปกครอง ในขณะเดียวกันผู้ที่อยู่ใต้ปกครองคือลูก ภรรยา เปรียบเสมือนประชาชนที่ต้องเชื่อฟัง เคารพ ทำตาม
เมื่อแนวคิดขงจื๊อกำลังถูกสมาชิกในสังคมเกาหลีท้าทาย
คำสอนข้อหนึ่งที่แนวคิดขงจื๊อใหม่เน้นย้ำคือเรื่อง “ความกตัญญู” (효; 孝) ลูกต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ ภรรยาต้องมีความกตัญญูต่อสามี ผู้ที่อยู่ใต้ปกครองต้องมีความกตัญญูต่อผู้ปกครอง นอกจากนี้ในสมัยโชซอนยังมีหลักจริยธรรมขงจื๊อว่าด้วยการเป็นภรรยาและลูกสะใภ้ที่ดี (열녀효부; 烈女孝婦) อีกด้วยซึ่งเป็นลักษณะของผู้หญิงต้นแบบ ควรเอาเป็นตัวอย่าง กล่าวคือ ภรรยาต้องมีความซื่อสัตย์ต่อสามี และลูกสะใภ้ต้องมีความกตัญญู ปรนนิบัติพ่อแม่สามี ผู้หญิงเกาหลีในฐานะภรรยาจึงต้องจงรักภักดีต่อสามี เหมือนลูกที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่
ในซีรีส์ The Glory เราจะพบว่าแนวคิดเรื่องความกตัญญูได้ถูกสั่นคลอนลงจากการประพฤติตัวไม่เหมาะสมของผู้ที่มีอำนาจ หรือผู้อาวุโส เมื่อ ชองมีฮี หรือแม่ของดงอึนไม่ได้ปฏิบัติตามจริยธรรม หน้าที่การเลี้ยงดูลูก นอกจากจะเพิกเฉย ไม่ใส่ใจความเป็นอยู่ของลูกในวัยเด็กแล้ว ยังเห็นแก่เงิน ขายศักดิ์ศรีและเกียรติของลูกให้อำนาจของเงินอีกด้วย เมื่อดงอึนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ยังกลับมาทำร้ายจิตใจและหน้าที่การงานของลูก ด้วยการเป็นเครื่องมือของศัตรูลูกสาวตนเอง หรือจะเป็น อีซอกแจ สามีของแม่บ้าน คังฮยอนนัม ที่ใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายภรรยา และลูกสาว (가정폭력) มิหนำซ้ำยังขูดรีดเงินจากภรรยาไปดื่มเหล้า

The Glory (L to R) Yeom Hye-ran as Kang Hyeon-nam, Song Hye-kyo as Moon Dong-eun in The Glory Cr. Graphyoda/Netflix © 2023
สิ่งที่ดงอึนในฐานะลูก และคังฮยอนนัมแสดงออกกลับไปยังผู้ที่มีอำนาจเหนือตนในความสัมพันธ์ครอบครัว มิได้เหมือนละครคุณธรรมของไทยบางเรื่อง เช่น ทองเนื้อเก้า (2556) แม้วันเฉลิมจะไม่ได้รับการเอาใจใส่เลี้ยงดูจากลำยองผู้เป็นแม่ เพราะลำยองเอาแต่ติดเหล้า เมายาดอง และการพนัน สิ่งที่วันเฉลิมเลือกทำคือการกตัญญูรู้คุณบุพการี ดูแลแม่ยามป่วยไข้ และตอบแทนคุณแม่ด้วยการเป็นเสาหลักของครอบครัว ตลอดจนบวชให้ลำยองได้เกาะชายผ้าเหลืองในบั้นปลายชีวิต แต่ดงอึนกับคุณป้าฮยอนนัมกลับเลือกที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ เรียกร้องสิทธิ และความเป็นอยู่ของตัวเองที่ควรได้รับ โดยใช้วิธีแก้แค้น จัดการผู้เป็นแม่ และสามีที่ทำร้ายร่างกายและจิตใจให้หายไปจากชีวิตของพวกเธอ โดยไม่สนใจแนวคิดขงจื๊อใหม่ที่สังคมยึดถือปฏิบัติมา

The Glory Song Hye-kyo as Moon Dong-eun in The Glory Cr. Graphyoda/Netflix © 2023
แม้แต่ “ครูบาอาจารย์” ซึ่งเป็นผู้อาวุโส ได้รับการยกย่องนับหน้าถือตาในสังคม และนักเรียนต่างให้ความเคารพ ระลึกถึงพระคุณ หากประพฤติตัวไม่เหมาะสม บกพร่องในหน้าที่วิชาชีพอย่างครูคิมจงมุน ครูประจำชั้นของดงอึนในช่วงมัธยมปลายที่เพิกเฉย มองข้ามการทำร้าย และใช้ความรุนแรงในโรงเรียน ปล่อยให้ดงอึนกลายเป็นเหยื่อของเพื่อน ๆ ที่เข้ามาคุกคาม และกระทำชำเรา ทารุณกรรมต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมุนดงอึนเลือกที่จะเขียนความจริงดังกล่าวลงในใบลาออก คิมจงมุนกลับเลือกที่จะปฏิเสธข้อเท็จจริง ให้ดงอึนแก้ไขสาเหตุการลาออกครั้งนี้ และยังใช้ความรุนแรงด้วยการทุบตีเธออีกด้วย ในการดำเนินเรื่องของ The Glory Part 1 เราจึงได้เห็น “ครู” บุคคลที่น่าจะได้รับความเคารพ และการยกย่องจากผู้น้อยในสังคม กลายเป็นเป้าหมายคนหนึ่งที่ดงอึนต้องการแก้แค้น และเอาคืนเพื่อกู้เกียรติยศของเธอกลับคืนมา

วัฒนธรรมการรวมกลุ่มกำลังสลายกลายเป็นปัจเจกนิยม

มีคนเคยชวนสังเกตว่าขวดเบียร์ของฝรั่งกับเอเชียนั้นต่างกัน หากเป็นฝั่งเอเชีย ขนาดขวดเบียร์จะใหญ่ สามารถแบ่งกินกันได้หลายคน ในขณะที่ขวดเบียร์ของฝรั่ง ฝั่งอเมริกา ยุโรปบางประเทศขวดเบียร์จะมีลักษณะกะทัดรัด สำหรับกินได้คนเดียว สาเหตุอาจจะเป็นเพราะคนเอเชียมองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ในสังคม ชอบการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
คนเกาหลีหากจะกล่าวถึงประเทศของตนเอง บ้านของตัวเอง บริษัทของตัวเอง ลูกสาวของฉัน สามีของฉัน คำแสดงความเป็นเจ้าของที่คนเกาหลีใช้กันคือ “อู-รี” (우리) เช่น 우리 남편 [อู-รี นัมพยอน] ถ้าให้แปลตรงตัวเป็นภาษาอังกฤษจะได้ว่า our husband ซึ่งฟังแล้วดูแปลก เพราะไม่มีคนไทย หรือฝรั่งชาติไหน ใช้คำว่า our หรือ “ของพวกเรา” แสดงความเป็นเจ้าของสามี เหมือนผู้พูดกำลังแบ่งปันสามีตัวเองให้ใครอยู่ แต่คำว่า 우리 남편 [อู-รี นัมพยอน] สำหรับคนเกาหลีเป็นเรื่องปกติ และใช้กันทั่วไป ผู้ฟังเข้าใจได้ในความหมาย my husband หรือ สามีของฉัน
การใช้คำว่า “อู-รี” (우리) ขยายคำนาม แสดงความเป็นเจ้าของสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน โรงเรียน บริษัท เพราะมีแนวโน้มว่าคนเกาหลีมองว่าครอบครัว บริษัท และตัวเองนั้นถือเป็นสิ่งเดียวกัน ผู้ฟังจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของผู้พูด คนเกาหลีมีวัฒนธรรมในองค์กรค่อนข้างเข้มข้น เชื่อกันว่าบริษัทเหมือนบ้านและครอบครัวของตน ผลประโยชน์ของบริษัทต้องมาก่อน หรือว่าถ้าฉันประสบความสำเร็จแล้ว ต่อมาครอบครัวก็จะประสบความสำเร็จตามด้วย
ลักษณะเด่นของสังคมเกาหลีที่ว่านี้เรียกว่า “แนวคิดนิยมการรวมกลุ่ม” (Collectivism; 집단주의) กล่าวคือ สมาชิกในสังคมให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของส่วนรวม สนใจความคิดเห็นส่วนมากของคนในกลุ่มมากกว่าตัวเอง ส่งผลให้คนเกาหลีมักทำอะไรเป็นกลุ่มก้อน สไตล์เดียวกัน เช่น สวมเสื้อโค้ทหรือ long padded jacket สีดำกันทั้งถนน หรือรองเท้าไนกี้รุ่นเดียวกันทั้งรถไฟฟ้า ใครที่ทำตัวแปลกแยก ไม่พยายามเข้ากลุ่ม หรือโดดเด่นจะไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม ดังนั้นการแสดงความเห็นต่างจากส่วนรวม หรือเป็นตัวของตัวเองจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในสังคมเกาหลี สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ การเหยียดเพศหรือเชื้อชาติ ตลอดจน การกลั่นแกล้ง ล้อเลียนในโรงเรียน
แนวคิดนิยมการรวมกลุ่ม เป็นค่านิยมและวัฒนธรรมพื้นฐานที่อยู่ในสังคมเกาหลีมาตั้งแต่ในอดีต เห็นได้จากการรวมกลุ่มของชาวไร่ชาวนาในการทำการเกษตร การทำพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องความอุดมสมบูรณ์ของพืชผล ตลอดจนการทำอาหารร่วมกัน เช่น การหมักกิมจิร่วมกันก่อนเข้าฤดูหนาว (คิมจัง; 김장) และแบ่งกันกินกับเพื่อนบ้าน อีกตัวอย่างหนึ่งที่เราเห็นตามร้านปิ้งย่าง คนเกาหลีมักจะแบ่งปันกับข้าว เครื่องเคียงกับเพื่อนหรือครอบครัวบนโต๊ะอาหาร ทำให้บางครั้งเวลาเข้าร้านปิ้งย่าง จึงมีการกำหนดจำนวนลูกค้าอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเกาหลีก็เปลี่ยนตามไปด้วย เราเริ่มเห็นร้านอาหารสำหรับลูกค้าที่นั่งท่านคนเดียว เพราะกระแสการกินข้าวคนเดียว (혼밥) หรือดื่มเหล้า (혼술) ตามลำพังเริ่มเป็นที่นิยม แม้แต่การเดินทางไปเที่ยวคนเดียว (혼행) ก็เริ่มมีชาวเกาหลีทำ vlog สไตล์นี้มากขึ้น ทำให้การครองตัวเป็นโสด ไม่คิดจะแต่งงานมีลูก ไม่ใช่เรื่องแปลกของคนเกาหลีอีกต่อไป ถึงขนาดมีการบัญญัติสร้างคำว่า “พี-ฮน” (비혼) ใช้เรียกคนโสดที่ไม่คิดจะแต่งงาน ขอขึ้นคานตลอดไป เพราะก่อนหน้านี้เกาหลีมีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสถานะสมรสแค่สองคำคือ “คยอ-รน” (결혼) คือแต่งงานแล้ว กับ “มี-ฮน” (미혼) คือคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่อนาคตจะแต่ง
ลักษณะสังคมที่สมาชิกในสังคมให้ความสำคัญ มองค่านิยมการพึ่งพาตัวเอง รักความเป็นอิสระ ปรารถนาที่จะทำตามเป้าหมายในชีวิตตนเอง คำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของสังคม เราเรียกว่า “แนวคิดปัจเจกนิยม” (Individualism; 개인주의) ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และโลกของทุนนิยมที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น คนในสังคมจึงต้องแข่งขัน แก่งแย่งชิงดี เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ความเป็นปัจเจก บางครั้งก็กลายเป็นความเห็นแก่ตัว เน้นแต่จะแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงคนรอบข้าง หรือสังคมที่ตัวเองอยู่ ลักษณะดังกล่าวเรียกว่า “อัตตานิยม” (Egoism; 이기주의) เห็นได้ชัดในซีรีส์เรื่อง Squid Game (2021) เมื่อผู้เข้าแข่งขันในเกม ต่างต้องการเป็นผู้ชนะ เพื่อคว้าเงินรางวัลทั้งหมด โดยไม่คิดจะแบ่งให้ใคร ทำให้มิตรภาพ และความรักที่เคยเกิดขึ้นนอกการแข่งขัน กลับกลายเป็นเพียงของจอมปลอมที่ทุกคนใส่หน้ากากเข้าหากัน ผู้เข้าแข่งขัน 218 โจซังอูเป็นคนที่แสดงอัตตานิยมได้ชัดที่สุด ถึงแม้เขาจะเป็นเพื่อนบ้าน และสนิทสนมกับพระเอก ซองกีฮุน แต่เขาก็เลือกที่คอยเอาเปรียบ และหาทางปัดให้กีฮุนตกอยู่ในสถาการณ์ลำบากเพื่อตกรอบเสมอ ยังไม่นับรวม หนุ่มปากีสถาน อับดุล อัลลา ที่เชื่อใจซังอูหมดใจ จนสุดท้ายต้องถูกทรยศ
ในซีรีส์ The Glory มุนดงอึนเติบโต และใช้ชีวิตมาอย่างโดดเดี่ยว ปากกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอด โดยไม่มีครอบครัว และเพื่อนฝูงอยู่เคียงข้างเหมือนเพื่อนคนอื่น เป้าหมายในชีวิตเธอมีแต่การแก้แค้นคนที่ทำลายชีวิตเธอ อาจเป็นเพราะดงอึนถูกมองเป็นคนแปลกของสังคม เธอจึงถูกเหยียดหยามรังแกจากสังคมที่เธออยู่ กระทั่งเธอเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ การเข้ามาเป็นครูในโรงเรียนเอกชน ก็ดูเหมือนจะทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานจับตามอง โดนหมั่นไส้ ถูกใช้ให้รับผิดชอบงานเยอะกว่าคนอื่น แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่เป็นผลกระทบกับดงอึนเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอให้ความสำคัญกับตัวเองมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ได้สนใจ และไม่อยากจะสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานสักคน แม้แต่กับป้าสายสืบฮยอนนัม เธอก็ขีดเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ไม่เคยเปิดช่องว่างให้ป้าแกได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอ

The Glory Song Hye-kyo as Moon Dong-eun in The Glory Cr. Graphyoda/Netflix © 2023
ความเป็นปัจเจก รักอิสระ คำนึงถึงความคิดและความรู้สึกของตัวเองเป็นหลักยังเห็นได้จากพระเอก พ่อไมโครเวฟของเรา คุณหมอจูยอจอง ตามปกติในสังคมเกาหลี หากบ้านไหนทำธุรกิจใหญ่โต เป็นเจ้าของกิจการโรงพยาบาล แล้วยิ่งลูกหรือทายาทเป็นหมอด้วยแล้ว แน่นอนว่าพ่อแม่ต้องอยากให้ลูกสืบทอดกิจการ และทำงานในโรงพยาบาลของตัวเอง แต่ยูจองกลับเลือกจะขอแม่ออกไปเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง และได้ใช้ชีวิตในแบบของเขา ได้เติมเต็มเป้าหมายและเส้นทางของคนที่เขารัก มากกว่าจะอยู่บนกองเงินกองทองของครอบครัว

The Glory Lee Do-Hyun as Joo Yeo-jeong in The Glory Cr. Graphyoda/Netflix © 2023
อีกตัวละครหนึ่งที่มีความเป็นปัจเจกสูงคือพัคยอนจิน เธอคือผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศชื่อดังของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แน่นอนว่าในสถานีโทรทัศน์ต้องมีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มข้น รุ่นน้องต้องเคารพรุ่นพี่ เชื่อฟังหัวหน้า หรือมีความสามัคคีกันระหว่างเพื่อนร่วมงาน อย่างที่เราเห็นกันในซีรีส์ 18 Again (2020) แม้จองดาจองจะอายุเยอะ แก่คราวแม่ แต่ก็ต้องก้มหัวให้หัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงานบางคนที่เข้ามาทำงานก่อน หลังเลิกงานก็ต้องไปสังสรรค์ กินข้าวร่วมกับเจ้านายและเพื่อน ๆ ในฝ่าย (회식) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในองค์กร หรือฉลองให้กับความสำเร็จกับผลงาน บางครั้งก็มีไปต่อที่ร้านเหล้าหรือคาราโอเกะ ทว่าพัคยอนจินไม่ได้เป็นแบบจองดาจอง เธอสวย เลิศ เชิด ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่แคร์ใครสักคนในที่ทำงาน แม้จะถูกใครนินทา หรือจ้องจับผิด เธอก็สามารถยืนหยัดในองค์กรได้อย่างสง่าผ่าเผย แม้แต่ตอนที่ถูกเพื่อนในกลุ่มแฉ ปล่อยคลิปที่ยอนจินบูลลี่ ทำร้ายร่างกายเพื่อนในวัยมัธยม จนทำให้ภาพลักษณ์ชื่อเสียงของสถานีต้องอับอาย และฉาวโฉ่ ยอนจินไม่เลือกที่จะประนีประนอม หรือขอโทษหัวหน้าสักคำเดียว สิ่งที่เธอทำคือตัดสินใจลาออกทันที โดยไม่คิดเสียดายโอกาสในวิชาชีพแม้แต่น้อย

ขอบคุณภาพ :: JTBC

The Glory Im Ji-yeon as Park Yeon-jin in The Glory Cr. Graphyoda/Netflix © 2023
จะเห็นได้ว่าสังคมเกาหลีในปัจจุบันไม่ได้ดำเนินตามแนวคิดขงจื๊อที่ยึดถือมาตั้งแต่สมัยโชซอนอีกต่อไป แนวคิดและค่านิยมที่ฝังรากกำลังค่อย ๆ ถูกขุดรากถอนโคนขึ้นมาผ่านการสื่อสารโดยใช้สื่อที่ทรงอิทธิพลในศตวรรษที่ 21 อย่างซีรีส์หรือละคร เพราะซีรีส์เป็นสื่อที่อยู่ใกล้ชิดกับคนในสังคม เราอาจมองเห็นความท้าทายของสังคมสมัยใหม่ หรือปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นผ่านกระจกหรือหน้าต่างที่เรียกว่าละครไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ต้องยอมรับว่า The Glory เป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับความนิยมจากผู้ชมจำนวนมาก และมียอดการรับชมสูงสุดในแพลตฟอร์ม Netflix อาจเป็นเพราะว่าผู้ชมรู้สึกพึงพอใจที่ได้เห็นแนวคิด ค่านิยมในอดีตถูกนำมาตีความ และแสดงออกในมุมมองใหม่ ไม่ได้โลกสวยฟ้าสดใสเป็นซีรีส์สอนใจทั่วไปอย่างที่ผ่านมา ทั้งนี้ก็น่าติดตามต่อไปว่าแนวคิดค่านิยมดั้งเดิมของเกาหลีจะมีการปรับตัวให้สามารถคงอยู่ร่วมกับกระแสสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร รวมถึงคนเกาหลีรุ่นใหม่จะเผชิญ รับมือกับความท้าทายและความเป็นสังคมสมัยใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน
ข้อมูลอ้างอิง
ภาษาไทย
ไพบูลย์ ปีตะเสน. (2565). ประวัติศาสตร์เกาหลี: จากยุคเผ่าพันธุ์ถึงยุคสาธารณรัฐใหม่. แสงดาว.
สาขาวิชาภาษาเกาหลี ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ. (2566). หลักสูตรการอบรมเพื่อผลิตผู้สอนภาษาเกาหลีชาวไทย ประจำปี 2566. คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Hyun Ah Moon. (2560.) การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจเกาหลี และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวเกาหลี. (พรรนิภา ซอง, แปล). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ภาษาอังกฤษ
Cho Yong-hee, Han Yumi, & Tcho Hye-young. (2017). Korean Culture in 100 Keywords. Darakwon.
ภาษาเกาหลี
권미경, 박은경. (2021). 한국어와 한국 문화에 대한 프로젝트. 쭐라롱껀대학교의 인문대학의 학문적 기관.
연세대학교 한국어학당. (2012). 연세 한국어 읽기4. 연세대학교 출판부.










