ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหาคู่ชื่อดัง นำเสนอการ Match ผู้คนในรูปแบบใหม่ เปลี่ยนการปัดซ้ายขวาแบบเดิมๆ สู่กลยุทธเจาะตลาด Gen Z
ธุรกิจหาคู่นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เกิดขึ้นมาไม่นาน อันเป็นผลมาจากรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปของคน ที่อยากมีตัวช่วยในการทำความรู้จักกับผู้ที่กำลังมองหาคู่อยู่เช่นกัน
ทินเดอร์ (Tinder) คือบริษัทที่ก้าวมาเป็นผู้นำของโลกในด้านแอปพลิเคชันหาคู่ เมื่อเทียบกับแอปฯ ประเภทเดียวกันแล้ว ถ้าจะบอกว่าพวกเขาแทบจะไร้คู่แข่ง ก็คงเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลยไปนัก
จริงอยู่ที่บางคนอาจจะเลือกไปใช้แอปฯ อื่นๆ เพราะการที่มีคนใช้เยอะไม่ได้หมายความว่าจะจับคู่ได้ตรงกับความต้องการเสมอไป แต่มองจากภาพรวมแล้ว ยังไงทินเดอร์ก็เป็นแอปฯ ที่คนอยากหาคู่หลายคนน่าจะได้เคยลองใช้มาแล้ว
ข้อมูลจาก SensorTower ระบุว่า เดือนส.ค.ที่ผ่านมา ในหมวดแอปฯ ที่ไม่ใช่เกม ทินเดอร์เป็นแอปฯ ที่ทำเงินอันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียง TikTok และ YouTube เท่านั้น
มีผู้คนมากมายที่ยอมจ่ายเงินเพื่อใช้บริการเพิ่มเติมบางอย่าง เช่นต้องการมองเห็นว่ามีใครมากด Like เราบ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับการปัดดูหน้าโปรไฟล์ของคนนับร้อย แต่เลือกที่จะจ่ายเงินเพื่อให้มองเห็นรายชื่อที่ระบบทำการซ่อนไว้อยู่ นับเป็นวิธีสร้างรายได้ที่เล่นกับความอยากรู้อยากเห็นของคนได้เป็นอย่างดี
เทรนด์ที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่
แม้ว่าระบบของทินเดอร์จะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในแง่ของธุรกิจ พวกเขาคือแอปฯ หาคู่ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโลก แต่ทางผู้พัฒนารู้ตัวดีว่าพวกเขาเริ่มต้นมาจากบริการที่รองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคน หากวันใดวันหนึ่งที่ปรับตัวไม่ทันแล้วล่ะก็ นั่นอาจหมายถึงจุดจบของแอปฯ นี้เช่นกัน
เจนนี่ แมคเคบ ผู้บริหารสูงสุดด้านการสื่อสาร ได้กล่าวในการแถลงข่าวผ่าน Zoom ที่ทางทีมงาน workpointTODAY ได้รับเชิญให้เข้าร่วมว่า มีสองสิ่งที่ทำให้ปี 2020 เป็นปีที่ไม่ปกติสำหรับทินเดอร์ อย่างแรกคือโควิด-19 ที่เปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่างของคนทั้งโลกไปพร้อมกัน และอย่างที่สองคือการเข้ามาของคน Gen Z ที่เติบโตมาพร้อมกับโลกดิจิทัล
“ภาวะการระบาดของเชื้อไวรัสทำให้สังคมของเรากลับด้านไปหมด ทินเดอร์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญสำหรับสมาชิกเรา ที่ช่วยให้พวกเขาได้เจอกับคนใหม่ๆ ในขณะที่ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้”
“คนอายุต่ำกว่า 25 ปีเป็นหัวใจของธุรกิจเรามาโดยตลอดจนถึงวันนี้ กว่าครึ่งของสมาชิกเรามีอายุระหว่าง 18-25 ปี แต่ทุกปีเราจะได้ต้อนรับคนอายุ 18 เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในทินเดอร์ และสมาชิกที่อยู่กับเราในตอนนี้กลายเป็น Gen Z ไปแล้ว”
“พวกเขาเติบโตมากับการเข้าสังคมผ่านโลกดิจิทัล พวกเขาหาเพื่อนในเกม Fortnite มาหลายปี และตอนนี้ก็มาออกเดตผ่านเกม Animal Crossing คนรุ่นนี้ไม่ได้แบ่งแยกว่านี่คือชีวิตจริง นี่คือชีวิตดิจิทัล ทั้งสองอย่างมันคือชีวิตเหมือนกัน”
สร้างทีมเพื่อเจาะกลุ่ม Gen Z โดยเฉพาะ
ธุรกิจหาคู่เป็นธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก กลุ่มเป้าหมายของพวกเขาดูจะเปลี่ยนหน้าไปแทบทุกปี
คงไม่มีสมาชิกหรือลูกค้าคนไหนอยากจะใช้แอปฯ ในการทำความรู้จักผู้คนไปตลอด 5 ปีข้างหน้า ฉะนั้นกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาจะเป็นแบบ “เก่าไป-ใหม่มา” อยู่เสมอ
ทางผู้พัฒนาเองก็ยอมรับว่าสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันอาจจะยังเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ไม่ดีพอ และแทนที่จะไปโทษว่าทำไมคนเหล่านั้นคิดไม่เหมือนกับคนรุ่นก่อน สิ่งที่พวกเขาเลือกทำคือพยายามทำความเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่คิดอย่างไร
ดังนั้นทางทินเดอร์จึงได้ตั้งทีมขึ้นมาทีมหนึ่ง สำหรับการคิดค้นนวัตกรรมที่จะตอบโจทย์กลุ่มคน Gen Z โดยเฉพาะ ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้แอปฯ นี้ยังเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่ได้
ไคล์ มิลเลอร์ หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ เผยว่าทีมของเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการวิเคราะห์พฤติกรรมของคน Gen Z และนำเสนอแนวคิดที่จะเข้าไปถึงกลุ่มคนเหล่านั้นได้
“เราพูดคุยเรื่อง Gen Z กันเยอะมาก เพื่อดูว่าปัญหาที่พวกเขาเจอคืออะไร และเราจะทำอย่างไรเพื่อให้ทินเดอร์แก้ปัญหาเหล่านั้นได้”
สิ่งที่ทีมของมิลเลอร์สรุปออกมาคือ ทินเดอร์ต้องมีชีวิตชีวามากขึ้น และต้องพัฒนาให้ผู้คนเริ่มบทสนทนากันได้ง่ายขึ้น
การที่ผู้ใช้เปิดดูหน้าโปรไฟล์แล้วเลือกว่าชอบหรือไม่ชอบคนที่อยู่ในนั้น อาจเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นในช่วงแรก แต่หลังจากเริ่มปัดไปร้อยครั้งพันครั้ง ความตื่นเต้นเหล่านั้นอาจกลายเป็นความซ้ำซากจำเจแทน และทำให้ความมีชีวิตชีวาหายไปในที่สุด
เปลี่ยน Swipe Right เป็น Swipe Night
ในการใช้แอปฯ ทินเดอร์ การปัดขวา (Swipe Right) เปรียบเสมือนการกด Like ให้กับโปรไฟล์ของคนที่เรากำลังดูอยู่ และหากคนๆ นั้นเลือกปัดขวาให้โปรไฟล์ของเราเช่นกัน ระบบก็จะทำการจับคู่ (Match) และเปิดหน้าต่างให้สนทนากันต่อไป
นี่เป็นวิธีการที่เป็นมาตลอด สุดท้ายคือการที่ผู้ใช้งานจะเลือกคุยกับใคร ย่อมขึ้นอยู่กับรูปและคำอธิบายบนโปรไฟล์ของแต่ละคน
สิ่งที่ทินเดอร์ต้องการคือการจัดกิจกรรมพิเศษให้ผู้คนเปลี่ยนวิธีการปัดขวาเพื่อเลือกคนที่ใช่ และปัดซ้ายเพื่อตัดคนที่ไม่ใช่ออก มาเป็นการดำเนินเรื่องเสมือนเรากำลังดูซีรี่ส์แทน โดยให้ผู้ใช้งานเป็นคนกำหนดทิศทางของเรื่อง และนำตัวเลือกเหล่านั้นมาทำการจับคู่กับผู้ใช้งานรายอื่นอีกที
พอล โบคาดาคิส รองประธานฝ่ายริเริ่มโครงการพิเศษ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบด้านการสร้างซีรี่ส์นี้ และตัวเขาเองก็ชื่นชอบแนวคิดนี้เป็นอย่างมาก
“เป้าหมายหลักของเราคือการทำสิ่งที่ทินเดอร์ถนัดที่สุด คือการดึงผู้คนเข้ามาทำอะไรร่วมกัน สร้างความสนุกสนาน และช่วยให้คนเหล่านั้นรู้จักกันมากขึ้น”
“สิ่งที่เราต้องการคือเรื่องราวที่จะทำให้สมาชิก Gen Z ของเรากลับมาใช้ทินเดอร์ในทุกๆ สัปดาห์ เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุคทองของคอนเทนต์ ฉะนั้นมาตรฐานเลยถูกตั้งไว้สูงมาก เนื้อเรื่องจึงต้องมีความดึงดูด เหมือนกับตัวผู้ชมเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่อง และต้องรู้สึกได้ถึงความเร่งรีบ”

งานนี้ทางทีมผู้สร้างได้ คารีนา อีแวนส์ นักแสดงและผู้กำกับหญิงชาวแคนาดาวัย 24 ปี เข้ามากำกับซีรี่ส์นี้ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด กับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอายุ 18-25 ปี
ซีรีส์ Swipe Night ตอนแรกจะออกอากาศตอนแรกในวันเสาร์ที่ 12 ก.ย. เวลา 10.00 น. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 10 โมงเช้าวันเสาร์ จนถึงเที่ยงคืนวันอาทิตย์ ไปจนถึง 27 กันยายนนี้










