กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จับมือทรูมันนี่ ช่วยคนไทยมีเงินออมผ่านฟีเจอร์ ‘ออมเงิน รัฐให้เพิ่ม’ ออมขั้นต่ำ 50 บาทต่อครั้ง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปีและรัฐสมทบสูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี
‘จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ’ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดเผยว่า จากสถิติภาพรวมการออมเงินเพื่อการเกษียณของคนไทยในปี 2566 พบว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 คนไทยมีพฤติกรรมการออมเงินเพื่อการเกษียณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยบวกที่ส่งผลให้การออมเงินเพื่อการเกษียณเพิ่มขึ้นมีปัจจัยสำคัญมาจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในการลงทุนและให้ความสำคัญกับการออมเงินเพื่อการเกษียณมากขึ้น
โดย กอช.ได้เข้ามาสนับสนุนการออมผ่าน Digital Marketing ของประชาชนที่มีอายุ 15-60 ปี ให้สามารถเริ่มออมตั้งแต่ 50 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปีและรัฐสมทบสูงสุด 100% แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ดังต่อไปนี้
- อายุ 15-30 ปี รัฐสบทบ 50% ของเงินสะสม สูงสุดไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี
- อายุ 30-50 ปี รัฐสบทบ 80% ของเงินสะสม สูงสุดไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี
- อายุ 50-60 ปี รัฐสบทบ 100% ของเงินสะสม สูงสุดไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี
จากเทรนด์การออมที่เพิ่มขึ้นทำให้ปัจจุบัน กอช.มีฐานสมาชิกกว่า 2.58 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงใช้บริการในรูปแบบผ่านหน่วยงานในพื้นที่สูงถึง 85%
อย่างไรก็ตาม กอช. ยังมุ่งพัฒนาเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น จึงเกิดเป็นความร่วมมือกับ ‘ทรูมันนี่’ ในครั้งนี้เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบอาชีพอิสระและแรงงานนอกระบบให้เข้าถึงการออมเงินเพื่อเกษียณมากขึ้น
‘ธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันทรูมันนี่มีผู้ใช้งานกว่า 27 ล้านคนทั่วประเทศ และล่าสุดยังได้รับการจัดอันดับเป็นแอปที่ได้รับการดาวน์โหลดมากสุดในประเทศไทย
ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าแอปทรูมันนี่ได้รับความนิยมสูงสุดและสามารถให้บริการทางการเงินครอบคลุมผู้ใช้หลากหลายกลุ่มอายุและอาชีพ ซึ่งรวมถึงแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าแม่ค้า รวมไปถึงเกษตรกร ฯลฯ
สำหรับความร่วมมือกับ กอช.ในครั้งนี้ จะช่วยลดข้อจำกัดในการเข้าถึงการออมแบบเดิมของแรงงานเหล่านี้ ให้มีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการออมเพื่อสร้างสุขภาพทางการเงินและคุณภาพชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ ด้วยบริการออมเงินกับ กอช.ผ่านแอปพลิเคชั่นทรูมันนี่
ภายหลังเปิดทดลองให้บริการไม่ถึงสองเดือน มียอดออม กอช. ผ่านแอปทรูมันนี่แล้วประมาณ 4 ล้านบาท และเราคาดการณ์ว่ายอดออมดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านบาท และมีผู้ใช้รวม 1 ล้านบัญชีภายในสิ้นปี 2567
โดยผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีและใช้งานบริการออมเงินกับ กอช. ผ่านทรูมันนี่ได้ง่ายๆ ใน 3 นาที ผ่าน ‘ออมเงิน รัฐให้เพิ่ม’ ในทรูมันนี่ โดยมีขั้นต่ำเพียง 50 บาทต่อครั้ง และสูงสุด 30,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ ผู้ออมเงินจะได้รับสิทธิประโยชน์ เงินสมทบจากรัฐสูงสุดถึง 100 เปอร์เซ็นต์สิทธิในการลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท/ปี และรับเงินราวๆ 12,000 บาทต่อเดือนหลังเกษียณ
ด้าน ‘ชาญวิทย์ นาคบุรี’ รองปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชากรกลุ่มคนวัยทำงานก็มีจำนวนลดน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุวัยเกษียณในอนาคตได้
ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของสถานการณ์ดังกล่าวนี้ และได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดตั้งระบบการออมเงินภาคสมัครใจสำหรับแรงงานนอกระบบและผู้ประกอบอาชีพอิสระผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช.
มองว่าเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคงหลังวัยเกษียณอายุของคนไทย ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่เท่าเทียมกันในทุกกลุ่มอาชีพ และในฐานะตัวแทนจากภาครัฐ
ในฐานะภาครัฐรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ภาคเอกชนอย่าง ‘ทรูมันนี่’ เข้ามาร่วมเป็นภาคีผลักดันนโยบายส่งเสริมการออมของรัฐบาลให้เดินหน้า เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพทางการเงินที่ดีและเป็นกำลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศต่อไป










