ในเวลานี้ประเทศที่เนื้อหอมและดูมีเสน่ห์ในสายตาลงทุนต่างชาติ คงหนีไม่พ้น ‘เวียดนาม’
เพราะประเทศแห่งนี้มีนโยบายการค้าเสรี (FTA) ที่เอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศถึง 54 ประเทศ มีแรงงานที่แข็งแกร่ง สู้งาน ค่าแรงขั้นต่ำไม่สูงมาก ทรัพยากรธรรมชาติก็ยังมีเหลือเฟือ
ซึ่งประเทศแห่งนี้มี 3 อุตสาหรรมที่โดดเด่นคือ อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และการเกษตร ทำให้บริษัทใหญ่ระดับโลกค่อยๆ ทยอยเข้ามาตั้งฐานการผลิต ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Nike, Adidas และอีกหลายแบรนด์
ที่น่าสนใจคือ เมื่อความเจริญเข้าสู่ประเทศ ส่งผลให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจค่อนข้างคึกคักและมีการเติบโตสูง จนเกิด ‘เศรษฐี’ หน้าใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ถ้าถามว่า ใช้เกณฑ์อะไรวัดเศรษฐี? คำตอบอยู่ในรายงานของ Knight Frank ที่บอกว่า เกณฑ์วัดกลุ่มเศรษฐีคือ กลุ่มคนที่มีรายได้สุทธิสูงกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 1,090 ล้านบาท
ในปีที่ผ่านมาเวียดนามมีกลุ่มเศรษฐีเพิ่มขึ้น 2.4% หรือรวมๆ แล้วมีอยู่ 752 คน แต่ก็ยังน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น มาเลเซีย 4.3% อินโดนีเซีย 4.2% และสิงคโปร์ 4%
แต่หากมาเทียบกับ ‘ไทย’ ที่มีเศรษฐีเพิ่มขึ้นเพียง 0.8% ก็ถือว่าเวียดนามเติบโตกว่าถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
นอกจากนี้ รายงานของ ‘Knight Frank’ ยังคาดการณ์ไว้อีกว่าภายในปี 71 เวียดนามจะมีอัตราการเติบโตของเศรษฐีเพิ่มขึ้น 30% หรือคิดเป็น 978 คน ซึ่งคาดว่าจะเกินกว่าอัตราการเติบโตของเกาหลีใต้ 29.5% ฮ่องกง 22.4% และสิงคโปร์ 15.7%
มากไปกว่านั้นอัตราการเติบโตของกลุ่มเศรษฐีเวียดนามที่พุ่งพรวดจะทำให้ประเทศมีอัตราการเติบโตภูมิภาคเอเชียขึ้นเป็นอันดับ 5 เลยทีเดียว
และในภาพรวมของทั่วโลกคือมีกลุ่มเศรษฐี เพิ่มขึ้น 4.2% หรือจาก 601,300 คน เป็น 626,619 คน เฉลี่ยแล้วว่ากลุ่มเศรษฐีจะถูกจัดอันดับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 70 คน
ซึ่งทวีปที่มีอัตราเศรษฐีเพิ่มมากสุดในโลกคือ ‘อเมริกาเหนือ’ อยู่ที่ 7.2% ตามด้วยกลุ่มประเทศฝั่งตะวันออกกลาง 6.2%
ขณะที่ในทวีปยุโรปไม่ค่อยมีกลุ่มเศรษฐีหน้าใหม่เพิ่มเท่าไหร่นัก แต่ในทางกลับกันยุโรปก็ยังคงมีเศรษฐีอาศัยอยู่ราวๆ 1% ของโลก
สำหรับทวีปเอเชียก็ยังคงมีอัตราการเติบโตของกลุ่มเศรษฐีเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 38.3% ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่ค่อนข้างสูงและรวดเร็วกว่าทวีปอื่นๆ ในโลก มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า เอเชียก็ยังจะมีการเติบโตก้าวกระโดดไปเรื่อยๆ และอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2571 เอเชียจะมีเศรษฐีอยู่ราวๆ 228,849 คน
และที่น่าสนใจไม่น้อยเลยคือ ‘Kevin Coppel’ CEO ของ Knight Frank Asia-Pacific ตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อผู้คนมีฐานะที่ร่ำรวยมากขึ้น ก็มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป และกลุ่มเศรษฐีในเอเชียก็ยังคงสนการลงทุนด้วยการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น กระเป๋า นาฬิกา เก็งกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งมากกว่าการกระจายพอร์ตการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมทวีปเอเชียตอนนี้ต้องยอมรับว่าประเทศที่มีเสน่ห์เนื้อหอมคงหนีไม่พ้น ‘เวียดนาม’ แล้วจริงๆ
น่าติดตามว่าในอนาคต เศรษฐกิจของเวียดนามจะมีการเติบโตไปในทิศทางใดต่อไป…
ที่มา : seasia , seasia.co , thediplomat










