บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซื้อขายที่ดินกับบริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด แบรนด์ยานยนต์ชั้นนำของจีน จำนวน 250 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด 4 บนพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อตั้งฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า
‘เซิน ซิงหัว’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซ้าท์อีส เอเชีย จำกัด และกรรมผู้จัดการและประธานกรรมการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบในการตั้งฐานการผลิต ด้วยทำเลที่ตั้งและสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคม WHA และประเทศไทยมีกำลังการผลิตที่มากเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชียและอันดับที่ 10 ของโลก
โดยเรามีแผนใช้เงินลงทุนในเฟสแรกกว่า 8,862 ล้านบาท เพื่อตั้งฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา ทั้งประเภท BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) สำหรับจำหน่ายในไทยและส่งออกสู่ภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ และแอฟริกาใต้
ด้วยกำลังการผลิตรถยนต์ 100,000 คันต่อปี รวมถึงจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะเริ่มผลิตรถยนต์ได้ในปี 2568 นอกจากนี้และมีแผนจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนารถยนต์ในไทยในระยะต่อไปอีกด้วย”
ปลายเดือนพ.ย. ทางฉางอานเตรียมเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการในไทย และเปิดให้ลูกค้าได้เห็นรถจริง เริ่มทดลองขับเเละจับจองได้ภายในงานมอเตอร์โชว์ 29 พ.ย. นี้
ทางด้าน ‘จรีพร จารุกรสกุล’ ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การซื้อขายที่ดินครั้งนี้เป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าประเทศไทยคือจุดหมายด้านการลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทคจากต่างประเทศที่สำคัญของเอเชีย
WHA มุ่งผลักดันให้ไทยกลายเป็นฮับ EV ใหญ่สุดของเอเชียและในอนาคตข้างหน้าจะมีดีลกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอื่นๆ เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยเพิ่มขึ้น”
โดยนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 มีพื้นที่รองรับทั้งหมด 2,443 ไร่ (รวมพื้นที่ส่วนขยาย) ตั้งอยู่ในทำเลของ EEC ที่เอื้อต่อการส่งออกสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศและเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate)
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยโดยมีมูลค่าการลงทุนกว่า 1.44 พันล้านดอลลาร์ ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยที่ผ่านมา BOI ได้อนุมัติโครงการรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว 23 โครงการจาก 16 บริษัท และภายในปี 2573 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของประเทศไทยหรือ 725,000 คันต่อปี










