ในโลกของการลงทุน กลยุทธ์การลงทุนได้ถูกแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดตามกราฟเทคนิค การเทรดตามปัจจัยพื้นฐาน หรือการเลือกเล่นรายตัว ฯลฯ ซึ่งแต่ละรูปแบบต่างก็มีความยากง่ายแตกต่างกันไป
แต่หนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่เป็นที่นิยม และมักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงบ่อยๆ นั่นก็คือ DCA หรือ Dollar Cost Averaging
ซึ่งการลงทุนแบบ DCA ก็คือการที่เรากำหนดเม็ดเงินลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งแบบสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยไม่สนใจภาวะตลาด
เช่น นาย A อายุ 20 ปี ตั้งใจจะลงทุนแบบ DCA ในหุ้นแอปเปิ้ลอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนเป็นจำนวนเงิน 3,000 บาทต่อเนื่องเป็นเวลา 40 ปีจนกระทั่งเกษียณ
เนื่องจากมองว่าหุ้นแอปเปิ้ลมีความสามารถในการแข่งขันกว่าแบรนด์สินค้าไอทีอื่นๆ และจะมีรายได้และกำไรเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่องอีก 40 ปี เป็นต้น
[ ข้อดีของการลงทุนแบบ DCA ]
การลงทุนแบบ DCA เป็นกลยุทธ์ที่ใครๆ ก็ทำได้ ไม่ต้องมีความสามารถในการประเมินมูลค่าหุ้นขั้นสูง หรือจิตวิทยาการลงทุนชั้นเซียน ก็สามารถลงทุนแบบ DCA ได้
เพราะการลงทุนแบบ DCA ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลทั้งในภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง เนื่องจากในทุกๆ เดือนหรือทุกๆ สัปดาห์จะมีเงินก้อนใหม่เติมเข้าไปเสมอ เพื่อเป็นการถัวเฉลี่ยต้นทุนในระยะยาว
การลงทุนแบบ DCA ต่างกับการลงทุนแบบก้อนเดียว (Lumpsum) ที่หากลงทุนไปแล้วหุ้นขึ้น ก็อาจได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่หากลงทุนไปแล้วหุ้นตก ก็อาจขาดทุนเป็นกอบเป็นกำเช่นเดียวกัน ไม่สามารถเฉลี่ยต้นทุนได้เหมือนการลงทุนแบบ DCA
นอกจากนี้ การลงทุนแบบ Lumpsum ยังต้องอาศัยทั้งความรู้และประสบการณ์ รวมไปถึงจิตวิทยาลงทุนที่สูงกว่า
[ ความเสี่ยงของการลงทุนแบบ DCA ]
หากแต่ข้อเสียหรือความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของการลงทุนแบบ DCA นั้น คือการเลือกสินทรัพย์ผิด
เพราะการลงทุนแบบ DCA คือการที่ผู้ลงทุนตัดสินใจจะอยู่กับสินทรัพย์หนึ่งๆ ไปในตลอดระยะเวลานานหลายสิบปี หากสินทรัพย์ที่ลงทุนไม่ดีอย่างที่คิด ก็อาจทำให้ท้ายที่สุดเงินลงทุนที่ใส่เข้าไปลดลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ แม้การลงทุนแบบ DCA จะอาศัยความรู้ในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ หรือความรู้ด้านจิตวิทยาที่น้อยกว่า แต่นักลงทุนก็จำเป็นต้องศึกษาสินทรัพย์ที่ลงทุน ว่ามีแนวโน้มหรือโอกาสที่จะเป็นขาขึ้นในระยะยาวได้อย่างไร
พร้อมกับต้องคอยตรวจสอบกาารลงทุนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกล้าเปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ดีกว่า หากพบว่าการลงทุนในครั้งนั้นผิดพลาด
[ ถัวเฉลี่ยต้นทุนในช่วงตลาดขาลง ]
ในภาวะตลาดขาลงเช่นนี้ หากนักลงทุนเลือกใช้กลยุทธ์แบบ DCA อยู่แล้ว และมั่นใจว่าสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่มีแนวโน้มจะเติบโตในระยะยาว
การที่ตลาดเข้าสู่ภาวะขาลง ก็เป็นโอกาสให้นักลงทุนสามารถเก็บสินทรัพย์เข้าพอร์ตในต้นทุนที่ถูกลง และเมื่อวันที่ตลาดกลับมาสดใส มูลค่าของเงินลงทุนนั้นก็จะงอกเงยเพิ่มขึ้นไปในระยะยาว










