‘อ.วันวิชิต’ มอง ‘ประยุทธ์’ เสี่ยงได้พักยาว ‘ผอ.นิด้าโพล’ ชี้ถ้ายุบสภาเร็ว เพื่อไทยต้องจับมือพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย ตั้งรัฐบาล

‘อ.วันวิชิต’ มอง ‘ประยุทธ์’ เสี่ยงได้พักยาว ‘ผอ.นิด้าโพล’ ชี้ถ้ายุบสภาเร็ว เพื่อไทยต้องจับมือพลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย ตั้งรัฐบาล

การเมือง

ครั้งแรกของการเผชิญหน้ากันในที่สาธารณะ ระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรักษาการนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ระหว่างรอคำวินิจฉัยปมการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ในวันอังคาร ที่ 30 ส.ค.นี้

กระแสสะพัดในช่วงนี้จึงเกิดทั้งเรื่อง “ปรับครม.” และ “ยุบสภา” หนาหูยิ่งขึ้น รวมทั้งความเปลี่ยนไปหรือไม่ใน “3 ป.” เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองวันนี้เปลี่ยนแปลง workpointTODAY LIVE พูดคุยกับ ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำภาควิชาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการสำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล พาไปวิเคราะห์ให้คอการเมืองได้ติดตามจับตากัน

อาจารย์วันวิชิต เห็นว่า ในสถานการณ์แบบนี้ พล.อ.ประวิตร คงจะไม่ยุบสภาอย่างแน่นอน และไม่ปรับครม. ยกเว้นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้กลับมาจริงๆ หรือจะกลับมารักษาการ เพื่อนำไปสู่การยุบสภาก็จะมีรอยขยักที่ไม่ราบรื่นเท่าไหร่ หมายความว่า ขยักแรก ต้องสรรหานายกรัฐมนตรี “แคนดิเดต” จากบัญชีรายชื่อ ซึ่งขณะนี้ฝั่งรัฐบาล เหลือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข พรรคภูมิใจไทยเพียงคนเดียว ซึ่งต้องถามว่าฝ่ายที่สนับสนุนพล.อ.ประวิตร รวมทั้ง ส.ว. จะยกมือให้นายอนุทินหรือ ตนมองว่ายาก ดังนั้นต้องใช้วิธีสรรหาจากนายกฯ คนนอก เพื่อให้ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกฯ แต่ต้องดูอย่างนี้ว่าใน “ส.ว.” นั้นฐานเสียงใหญ่ที่สุดคือฐานของ พล.อ.ประยุทธ์ รองลงมาเป็นกลุ่มที่สนับสนุน พล.อ.ประวิตร ซึ่ง พล.อ.ประวิตร เป็นประธานคัดเลือก ส.ว. และกลุ่มของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แน่นอนว่าแคนดิเดตนายกฯ พลเรือนไม่น่าเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

ตำแหน่ง “นายกฯ” ที่ถูกมองว่าใครลุกแล้วเสียม้านั้น อาจารย์วันวิชิต บอกว่า อารมณ์ของผู้คนพัดพาไปไกลแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่ากลับมาแล้ว เพราะเวลาศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้กลับมาเลยแม้แต่คนเดียว และถ้าพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาได้วิกฤติการเมืองก็ยังมีต่อไป นอกจากนี้ยังมองว่า พล.อ.ประวิตร มีเครือข่ายขุมกำลังที่กว้างและลึกมากกว่าพล.อ.ประยุทธ์ สะสมมากว่า 50 ปี รวมทั้งคอนเนคชั่นเซนต์คาเบรียล” อย่างนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นศิษย์ของเช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร เวลาจะช่วยใครก็ช่วยจริง แต่สิ่งแวดล้อมรอบตัวมีที่เป็นพิษก็มี เพราะไม่ได้คัดกรองเท่าพล.อ.ประยุทธ์ และเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรรู้ตัวดีว่าตัวเองมีข้อจำกัดหลายเรื่อง อาจเป็นเบื้องหลังเป็นคีย์แมนแทนก็ได้

ขณะที่ ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการสำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล บอกว่า โพลเมื่อตอนต้นปีนี้ ที่ถามว่า ต้องการให้ใครในกลุ่ม “3 ป.” มีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า แน่นอนว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์บอกว่าไม่ต้องการใครเลย รองลงมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนพล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ได้คนละ 7 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นไปได้ว่า คะแนน 7 เปอร์เซ็นต์คือคะแนนของพรรคพลังประชารัฐ

ทั้งนี้แม้จากการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองของพล.อ.ประวิตรค่อนข้างจะต่ำหน่อย แต่ตอนนี้ พล.อ.ประวิตร ในช่วง 1 เดือนที่รอคำสั่งศาล ก็ถึงเวลาที่ พล.อ.ประวิตร จะได้แสดงบทบาทให้ประชาชนดูว่า พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพร่างกายว่าไหวหรือไม่ ส่วนเรื่องคอนเนคชั่นเป็นเรื่องรอง เพราะตอนนี้อำนาจยังอยู่ในมือของกลุ่ม “3 ป.” เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป

อาจารย์สุวิชา ซึ่งอยู่กับข้อมูลคะแนนสาธารณะให้ความเห็นเรื่องความนิยมหากเกิดการยุบสภาขึ้นว่า สมมุติถ้ายุบสภาวันนี้หรือภายในสัปดาห์สองสัปดาห์ แน่นอนคะแนนวันนี้เป็นของพรรคเพื่อไทยมากกว่าเป็นส่วนใหญ่เลย แต่ถามว่าจะแลนด์สไลด์หรือไม่ยังยากแต่ก็มีโอกาส แต่ทั้งนี้การเลือกนายกฯ ในวันนี้ ต้องอาศัย ส.ว. ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทยจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ พรรคเพื่อไทยจะต้องจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคภูมิใจไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะเสียง ส.ว. ยังมีอำนาจในการคัดสรรนายกฯ อยู่ ตนมองว่า พรรคเพื่อไทยจะใช้กลยุทธ์แบบ “ร้องไห้ขอคะแนน” แล้วจะไปดึงคะแนนในอีสาน จากพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กลับมา

คลิปสัมภาษณ์ : 

แท็กที่เกี่ยวข้อง
TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง