
ประเด็นคือ – กทม.สั่งให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมทุกพื้นที่แล้ว และยืนยันถึงประสิทธิภาพการระบายน้ำของ อุโมงค์ระบายน้ำของ กทม.ทั้ง 8 แห่ง ว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้มาก
วันที่ 16 ตุลาคม 2560 นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ภายหลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา กทม.จึงได้สั่งการให้ 50 สำนักงานเขต ดำเนินตามแผนรับมือน้ำท่วมเพิ่มเติม คือ เมื่อเกิดฝนตกในแต่ละพื้นที่ให้สำนักงานเขตลงพื้นที่ทันที ไม่เพียงแต่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมบนถนนสายหลักเท่านั้น แต่ต้องเฝ้าระวังพื้นที่น้ำท่วมตามตรอกซอย ภายในพื้นที่ของหมู่บ้านจัดสรร หรือหมู่บ้านที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำด้วย

สำหรับสถานการณ์ของระดับแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า อยู่ในระดับปกติ เช่นเดียวกับระดับน้ำในคลองต่างๆ ยกเว้นคลองเปรมประชากรและคลองลาดพร้าวที่น้ำในคลองค่อนข้างมากจนเกือบเต็มคลอง ทำให้ กทม.ต้องเร่งดำเนินการพร่องน้ำออกจากคลองให้อยู่ในระดับปกติ
ซึ่งคลองเปรมประชากรและคลองลาดพร้าวอาจใช้ระยะเวลาพร่องน้ำค่อนข้างช้าถึง 3 วัน เนื่องจากติดปัญหาตามแนวคูคลองและบ้านรุกล้ำ อย่างไรก็ตาม กทม.โดยสำนักการระบายน้ำ ได้เฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันอยู่ระหว่างเฝ้าติดตามพายุขนุน ว่าจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพฯ หรือไม่

ส่วนการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากหรือจุดอ่อนน้ำท่วม นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า อุโมงค์ระบายน้ำของ กทม.ทั้ง 8 แห่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้มาก แต่เดิมหากปริมาณฝนสูงสุดถึงขนาดนี้ น้ำจะต้องท่วมเป็นเวลา 3-4 วัน แต่ขณะนี้ กทม.ก็สามารถระบายน้ำได้
ทั้งนี้ได้ให้สำนักงานเขตและสำนักการระบายน้ำติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมทุกพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วม โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ เพื่อรายงานและเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างทันท่วงที









