
ประเด็นคือ – กรมการแพทย์เตรียมดึงหมอแสงเข้าระบบหมอพื้นบ้าน จัดการเรื่องยาสมุนไพร สถานประกอบการและให้ความรู้ประชาชนเรื่องโรคมะเร็ง หลังประชาชนเดินทางรับยาสมุนไพรอย่างต่อเนื่องแม้ไม่มีคำยืนยัน หรือการวิจัยทางการแพทย์รับรองว่าสามารถใช้รักษาได้จริง
วันที่ 8 พ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบว่าสมุนไพรดังกล่าว มีสเตียรอยด์ผสม แต่เนื่องจากมองว่าอาจเป็นการรักษาแบบทางเลือก ดังนั้น ทางกรมการแพทย์แผนไทย จึงขอให้นายแสงชัย ดำเนินการเพื่อให้การแจกจ่ายสมุนไพร เป็นไปตามกฎหมาย
นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีนายแสงชัย แหเลิศตระกูล แจกจ่ายสมุนไพรที่เชื่อว่ารักษามะเร็งได้ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าจะดำเนินการใน 3 เรื่อง คือ 1.ทำให้การจ่ายสมุนไพรถูกต้องตามกฎหมาย โดยตัวผู้ให้บริการ จะต้องหาผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์แผนไทยไปประจำการ คอยตรวจวินิจฉัยก่อนจ่ายสมุนไพรดังกล่าว ส่วนตัวของ นายแสงชัย ก็ต้องมีการขอประเมินหรือพิจารณาให้เป็นหมอพื้นบ้าน

2.สถานที่ในการแจกสมุนไพร ต้องทำในที่ถูกต้อง เช่น จ่ายในโรงพยาบาล หรือคลินิก ซึ่งต้องมีการขอเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง และ 3.ผลิตภัณฑ์ที่นำมาทำเป็นส่วนผสมของสมุนไพรต้องมีการทำให้ถูกต้อง ด้วยการขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไม่ว่าจะขอเป็นยาแผนโบราณ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมทั้งต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนเกี่ยวกับการใช้สมุนไพร
ก่อนหน้านี้ มีการเก็บผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าวไปตรวจสอบ ไม่พบสารสเตียรอยด์หรือสารที่ทำให้อยากอาหาร แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะประเมินผลการรับประทานสมุนไพร ว่าจะส่งผลต่อร่างกายในระยะยาวหรือไม่

รวมทั้งยังต้องศึกษาสรรพคุณของสมุนไพร ว่าหากนำมารวมกันแล้วจะมีพิษต่อร่างกายหรือไม่ ซึ่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ จะช่วยทำวิจัยและเก็บข้อมูลเพิ่มเติม คาดว่าจะทราบผลภายใน 1-2 เดือน
ที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนมาก ไปรอรับสมุนไพรที่เชื่อว่ามีสรรพคุณรักษาโรคมะเร็งได้ ที่บ้านพักของนายแสงชัย ที่บ้านบางเดชะ อ.เมือง จังหวัดปราจีนบุรี จนทำให้การจราจรติดขัด ด้านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี ได้พูดคุยกับนายแสงชัย เกี่ยวกับการดำเนินการให้ถูกต้องทั้ง 3 แนวทางไว้แล้ว ซึ่งนายแสงชัย มีความประสงค์ที่จะขออนุญาตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร











