
กรมชลประทาน ชี้แจงสถานการณ์น้ำในเขื่อนทั่วประเทศ เผยเฝ้าระวังและตรวจสอบระดับน้ำ ความแข็งแรงของเขื่อนอย่างต่อเนื่อง หลังสื่อหลักและโซเชียลมีเดีย ยังคงแสดงข้อคิดเห็นเชิงกังวลใจ
วันที่ 2 ส.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่สื่อหลักและสื่อโซเชียล รวมทั้งนักวิชาการแสดงข้อกังวลต่อสถานการณ์น้ำในเขื่อนทั่วประเทศที่มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพภูมิอากาศของไทยยังอยู่ในสภาวะฝนตกทั่วประเทศนั้น
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากจำนวนอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน 35 แห่ง ที่มีปริมาตรน้ำรวมกันประมาณ 48,908 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 69 ของความจุอ่างฯ รวมกัน ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 412 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวมกันประมาณ 3,183 ลูกบาศก์เมตร รวมปริมาตรน้ำทั้งหมด ทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง รวมกันประมาณ 52,019 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯ รวมกัน และยังสามารถรับน้ำได้อีกกว่า 23,900 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางของกรมชลประทาน ได้ดำเนินการควบคุมการเก็บกัก การระบายตามเกณฑ์เก็บกักน้ำของอ่างเก็บน้ำ (Rule Curve) ซึ่งในการควบคุมปริมาตรน้ำจะใช้เส้นบนของโค้งปฏิบัติการของอ่างเก็บน้ำเป็นตัวควบคุม ทั้งนี้ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำบางแห่งมีปริมาตรน้ำเกินกว่าเส้นควบคุม กรมชลประทานจะเร่งระบายน้ำให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ควบคุม ด้วยการระบายน้ำผ่านระบบชลประทาน ผ่านอาคารระบายน้ำ ลงสู่ลำน้ำเดิม และใช้วิธีการกาลักน้ำเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณการระบายน้ำ
สำหรับผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการระบายน้ำดังกล่าว กรมชลประทานจะพิจารณาแจ้งข้อมูลเพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์ และเตรียมการขนย้ายสิ่งของ ตลอดจนมาตรการให้การช่วยเหลือเยียวยาในลำดับต่อไป

สำหรับด้านความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อนนั้น กรมชลประทานมีแผนการตรวจสอบติดตามเพื่อให้เขื่อนและอาคารประกอบมีความมั่นคงปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ดำเนินการก่อสร้าง ภายหลังจากก่อสร้างเสร็จ กรมชลประทานมีแผนการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ โดยการตรวจสภาพเขื่อนด้วยสายตา การหาสิ่งผิดปกติ เช่น การกัดเซาะ การรั่วซึม การทรุดตัว เป็นต้น นอกจากนี้ ยังติดตั้งเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อนสำหรับตรวจสอบติดตามพฤติกรรมเขื่อน เช่น การไหลซึมผ่านตัวเขื่อน ฐานรากเขื่อน เป็นต้น
ทั้งนี้ จากการดำเนินการตรวจสภาพเขื่อนด้วยสายตา และการตรวจสอบติดตามพฤติกรรมจากเครื่องมือวัดพฤติกรรมเขื่อน นำมาประเมินความมั่นคงตัวเขื่อน โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทุกๆ 30 วัน และในกรณีวิกฤตจะทำการตรวจสอบทันที ทุก 24 ชั่วโมง









