กระทะญูกตเวทิตา กราบไหว้เครื่องครัว รำลึกพระคุณของกระทะ ช่วยให้สร้างตัวได้

กระทะญูกตเวทิตา กราบไหว้เครื่องครัว รำลึกพระคุณของกระทะ ช่วยให้สร้างตัวได้

ในประเทศ

ในทุกวันสมาชิกของครอบครัวนี้จะเดินเข้าครัว ไปกราบไหว้กระทะ  ทุกปีจะจัดทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อรำลึกพระคุณของกระทะ หม้อ กระชอน ตะหลิว ทัพพี ชาม กะละมัง เตา และครก ที่เลี้ยงดูจนเติบโตขึ้นมา

มองจากสายตาคนทั่วไป คงนึกว่าไม่บ้าก็เพี้ยน  ภาชนะเหล่านี้ ก็แค่เครื่องใช้ในบ้าน จะกราบไหว้ไปทำไม แต่สำหรับครอบครัวนี้ เครื่องใช้เหล่านี้เคยมีบุญคุณใหญ่หลวงสำหรับพวกเขา ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตให้เติบโตขึ้นมาในร้านอาหารตามสั่ง จึงไม่ทิ้งวัตถุเหล่านี้  ด้วยสำนึกในพระคุณของเครื่องครัวที่สร้างตัวขึ้นมาได้

37 ปี ของการเวียนว่ายอยู่กับการหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน อาหารนับหมื่นจาน ถูกผัดในกระทะ ผ่านความร้อนจากเตาไฟ ถูกคลุกเคล้าจากแรงตะหลิว จนสำเร็จเป็นจานพร้อมเสิร์ฟ วันหนึ่งกระทะที่ผ่านสังเวียนมายาวนานย่อมทะลุ จนหมดอายุขัย ใช่ว่าเมื่อหมดคุณค่าแล้วจะโยนทิ้งลงถังขยะทันที แม้จะเป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิตก็ตาม

เสริม เส็งมา ได้เล่าถึงที่มาของการไหว้เครื่องครัวไว้ว่า “สามี (สี เส็งมา) บอกว่าถ้าเราเอากระทะที่พังแล้วไปขายเป็นเศษเหล็ก มันได้เงินไม่กี่สตางค์ สู้เราเก็บสะสมไว้ดีกว่า ให้ลูกดูตอนโต เค้าจะได้รู้ว่าพ่อแม่ลำบากมา ทำอาหารตามสั่งขาย ให้รู้บุญคุณของพ่อกระทะแม่กระทะ ระลึกถึงบุญคุณของเค้า จึงสะสมไว้เยอะ

สมัยก่อนต้องถวายข้าวทุกวัน แต่มาปัจจุบันจะถวายน้ำชาแทน หากเป็นวันพระ จะมีผลไม้ไปบูชา ทำบุญเลี้ยงพระทุกปี จะเก็บไว้ให้ลูกหลานดู เราขายอาหารตามสั่งมาตั้งแต่ปี 2516 มาเลิกขายตอนปี 2553 รวมแล้ว 37 ปี เก็บเครื่องครัวทุกอย่างที่เราใช้งาน ทั้งกระทะ  เตาไฟ หม้อ ช้อน ชาม มีด กะละมัง ครก” เจ้าของบ้านกล่าว

นางเสริม และลูกชาย

ภายในบ้านไม้หลังหนึ่ง ขนาด 2 ชั้น ในย่านหนองแขม จะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้าน เป็นที่เก็บเครื่องครัวที่ใช้แล้ว มีกระถางธูป มีพวงมาลัยแขวน มีถ้วยน้ำชา  ส่วนกระทะเก่า จะมีทองคำเปลวติด  เครื่องใช้บางอย่างยังมีผ้าแพรสีๆ ผูกอีกด้วย ทำให้เครื่องครัวเหล่านี้ดูน่าสนใจขึ้นทันที พวกเขาไม่ได้งมงาย ไม่ได้เก็บไว้ขอเลขเด็ดเพื่อแทงหวย ทว่าครอบครัวนี้ล้วนมีความกตัญญูอยู่ในหัวใจ

สุนันทา เล็กผลา ทายาทคนแรก ของนายสี เส็งมา  พูดถึงสิ่งที่บิดาได้ทำไว้ว่า “พ่อแม่ค้าขายอาหารตามสั่ง เราก็ช่วยพ่อแม่ทำมาตั้งแต่เด็ก  จะทิ้งไปก็เท่านั้น เป็นเศษขยะ พ่อเขาบอกให้เก็บไว้ เพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน เขาเหมือนพ่อแม่ของเรา เพราะช่วยเราทำมาหากิน

คนอื่นอาจมองว่าแปลก ต้องอธิบายให้เค้าฟังว่า เค้าช่วยเราทำมาหากิน เอาไปชั่งกิโลขาย ก็ได้ไม่เท่าไหร่” สุนันทา กล่าว

สมบัติ เส็งมา  ทายาทคนที่สองของตระกูล พูดถึงอุดมการณ์ของบิดาไว้ว่า “คุณพ่อเก็บกระทะมาตั้งนานแล้ว ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อทำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 จัดพิธีไหว้ทำบุญแบบนี้ ทำเป็นเรื่องเป็นราว  กราบไหว้กันมาตลอด  กระทะใบแรกเสียเขาก็เก็บไว้ พอคุณพ่อเสียชีวิต ผมจึงต้องสืบทอดต่อ

ใครจะว่ายังไง เราก็เฉยๆ เพราะเคยเป็นเครื่องมือทำมาหากินของพ่อ นับถือเหมือนเป็นครูบาอาจารย์ ผมมีการศึกษา เติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะมีกระทะ มีตะหลิว ช่วยเรามา คือเขามีบุญคุณกับเรา  เวลาที่ไปทำอะไร จะได้ในสิ่งที่เราสมหวังในบางโอกาส

เราจะเก็บต่อไป ทำบุญทุกปี  (9 ค่ำ เดือน 9) ปิดทอง คล้องพวงมาลัย พระสงฆ์ที่มาทำพิธี ท่านก็เข้าใจ เพราะอธิบายให้ท่านฟัง ท่านรู้ว่าคุณพ่อ เป็นคนอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลืองานทางวัด มาตั้งแต่หนุ่มๆ”  ทายาทผู้สืบทอด กล่าวอย่างภูมิใจ

ในส่วนของวรรณ เพื่อนบ้านที่สนิทกับครอบครัวนี้ ได้เล่าถึง ความกตัญญูของครอบครัวนี้ไว้ว่า “พี่ย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2538 คือเราเป็นลูกค้า เพราะเขาขายอาหารตามสั่ง เห็นเขาเก็บกระทะ หม้อ เราก็อึ้งว่าลุงเค้าเก็บได้ยังไง ดีนะที่เค้าทำแบบนี้ เครื่องครัวเค้าจะไม่ทิ้งเลย จะทำบุญทุกปี บางปีก็แจกทุนการศึกษาให้เด็กด้วย พอลุงเสียชีวิต ป้าเค้าก็สืบทอดต่อ เพราะสั่งป้าไม่ให้ทิ้งกระทะเหล่านี้ 

สมัยก่อนเขาขายดีมาก เพราะมีโรงงานทำเครื่องเสียงอยู่ในละแวกนี้ จากเป็นลูกค้าก็มาช่วยเค้าขาย เห็นเค้าทำไม่ทัน ทำให้สนิทสนมกัน” เพื่อนบ้านกล่าว

ในยุคที่โลกรุดหน้า ทว่าจิตใจคนเสื่อมลง เราจึงเห็นข่าวแม่วัยรุ่นคลอดลูกแล้ว นำลูกมาทิ้งถังขยะ คนที่ซื้อหมาแมวน่ารักมาเลี้ยง พอหมาแมวโตขึ้น ไม่น่ารัก ก็นำไปปล่อยทิ้งที่วัด สร้างภาระให้กับวัดอีกด้วย ขนาดสิ่งมีชีวิตยังกล้าทิ้งกันลงคอ  ย้อนกลับมามองครอบครัวกราบไหว้เครื่องครัว จึงทำให้เห็นความกตัญญูอันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แม้แต่วัตถุที่ไม่มีชีวิต ยังไม่เคยลืมพระคุณ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง