
กวีชาวล้านนา “แสงดาว ศรัทธามั่น” หรือ นายศักดิ์ ไชยดวงสิงห์ อายุ 73 ปี ได้เกิดอุบัติเหตุล้มศีรษะฟาดพื้น เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.61 ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และเข้ารักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤติ ห้องศัลยประสาท ชั้น 7 ตึกเฉลิมพระบารมี แพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา
นายโอฬาร อ่องฬะ นักวิชาการอิสระ สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Olarn Ongla ถึงอาการของอ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น ว่าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 มิ.ย.61 ได้เข้าไปเยี่ยมอาการของอ้ายแสงดาวให้ห้องผู้ป่วยวิกฤติ อาการยังทรงตัว ชีพจรและความดันยังคงที่ มีเลือดออกในสมอง โดยญาติใกล้ชิดเปิดเผยว่า อ้ายแสงดาว ได้สั่งไว้ตลอดว่าไม่ให้ยื้อชีวิต “หากเป็นอะไรไม่ต้องผ่าหรือเจาะ ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอยากให้ร่างกลับคืนสู่ธรรมชาติจริงๆ”
https://www.facebook.com/olarn.ongla/posts/1703445853036968
สำหรับ “แสงดาว ศรัทธามั่น” หรือ นายศักดิ์ ไชยดวงสิงห์ เป็นชาวล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ จบการศึกษา ระดับปริญญาตรี คณะศึกษาศาสตร์ (วิชาเอกภาษาอังกฤษ) จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในอดีตเคยรับราชการครู สอนหนังสือในโรงเรียนแถวอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากรับราชการกว่า 28 ปี ได้ลาออกจากครูปี พ.ศ. 2538 เพราะต้องการออกเดินทางท่องเที่ยว เขียน-อ่านหนังสือ และเข้าร่วมกิจกรรมการเคลื่อนไหวต่างๆ
อ้านแสงดาว เขียนบทความครั้งแรกชื่อ “ต้นหางนกยูงที่คูเมืองกำลังร้องไห้” ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น “คนเมือง” สมัยวัยรุ่น ช่วงเรียนมัธยมต้น ราวปี พ.ศ.2506 เพื่อเรียกร้องให้เทศบาลนครเชียงใหม่ช่วยดูแลรักษาต้นหางนกยูงรอบๆ คูเมืองเชียงใหม่ที่ถูกน้ำเซาะตลิ่งล้มลงทีละต้น และเริ่มเขียนหนังสือจริงจัง เมื่อปี พ.ศ. 2517 จนถึงปัจจุบัน เขียนทั้งในนามจริงและทั้งในนามปากกานี้ตลอดจนนามปากกาอื่น ๆ และตั้งใจจะเขียนหนังสือจนไม่มีคนอ่าน ผลงานเช่น ความรักที่งดงาม และ ขบถโรมานซ์
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1766091546804901&id=100002122181202
ขณะที่เฟซบุ๊กของ “Sangdao Sattaman” ต่างมีคนเข้าไปให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก และมีการอัพเดทอาการของ อ้ายแสงดาว อย่างต่อเนื่อง
โดยเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของ “Sangdao Sattaman” มีการโพสต์ว่า
ฉันได้บอกให้เพื่อนๆในวงเหล้า และไม่ในวงเหล้าว่า
“ถ้าฉันตาย ไมต้องเศร้าโศกเสียใจ พี่น้องประชาชนคนใดที่จักมาส่งศพฉันขึ้นเมรุเผา ให้พกเหล้าเบียร์ ทุกชนิด มาเบย ไม่ต้องใส่ชุดดำ ใส่เสื้อหลากสีสันที่งดงาม ใครจะเล่นดนตรี อ่านบทกวี เปอร์ฟอมม๊าน เล่นกันไปเบย รู้กัน เพราะฉันเป็นคน ม่วนงันสันเล้า ม่วนซื่นโฮแซว ฯลฯ สนุกสนานกันให้สะนั่น ป่าเฮ้ว น(ป่าช้า) จิงๆๆ ฉันพูดเรื่องนี้ จิงๆๆ
– – – “อ้ายก่อนที่อ้ายจักทำลีลานี้ อ้ายต้องทำพินัยกรรม บอกหลานของอ้าย และพี่ ๆน้องๆก่อนแน้อ” “อ้ายฮวก “ เจ้าของร้านสุดสะแนนผับ” หรือ “อรุณรุ่ง สัตสวี” กวีนักดนตรี กวี” นักเขียน บอกให้ฉัน-N ถ้าฉันได้เขียนทำ พินัยกรรม ฉันจะเขียนไว้ บนโต๊ะหนังสือของฉัน
… ฉันชอบการเขียน พินัยกรรมของ “ท่านผู้หญิง “พูนศุข พนมยงค์ “ ภริยาคู่ทุกข์คู่ยาก ของ ท่าน “ปรีดี พนมยงค์”อดีต หนึ่งในมันสมองของคณะราษฎรที่เปลี่ยนแปลงจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงท่านมีคุณูปการ ต่อประเทศ ชาติเรามากมาย ท่านผู้ หญิงพูนศุข พนมยงค์ ” เขียนบอกว่า ” ไม่ขอรับเกียยรติยศ ใดใดทั้งสิ้น” ทำนองว่าไม่ต้องมามอบให้ ฉัน หากฉันตาย
– – – ท่านเจ็บช้ำน้ำใจมาก ที่ถูกกลั่นแกล้ง จากพวกศักดินานาจารีตนิยมเผด็จการ โดยที่พวก ความคิดศักดินาจารีตนิยมเผด็จการ แสดงความงี่เง่า ดูถูกว่าประชาชนยังไม่พร้อม ไอ้พวกหวกหัก พวก มะลึงค์ งี่เง่า
จบข่าวทีวีสีของประชาชน
แสงดาวฯ ๑๓ พค ๖๑
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก FB. Sangdao Sattaman และ Olarn Ongla









