
กีฬาที่เริ่มโดย NEW DEM ประชาธิปัตย์จัดแข่งได้แม้จะมีอุปสรรคจากกรณีหลายพรรคถอนตัว ไอติม-พริษฐ์ ยืนยันเป็นเรื่องที่ดีเป็นโอกาสได้รู้จักกันเพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์แข่งขันแต่ไม่ขัดแย้งและทำงานร่วมกันได้
วันที่ 15 ธ.ค. เวลา 13.00 น. ที่สนามฟุตซอล Future Soccer Arena (ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต) จ.ปทุมธานี คนรุ่นใหม่ 8 พรรคการเมืองร่วมเตะฟุตบอลเพื่อเชื่อมความสามัคคีทางพรรคการเมือง โดยแบ่งเป็น 2 สาย ประกอบด้วย สาย A พรรคเสรีรวมไทย, พรรคพลังท้องถิ่นไท, NewDem (ประชาธิปัตย์), พรรคกลาง ส่วนสาย B มีพรรคเกียน, พรรคภราดรภาพ, พรรคชาติพัฒนา, คนรุ่นใหม่พรรคประชาชาติ โดยจะนำทีมที่ชนะที่ 1 ของแต่ละสายมาแข่งขันกันในรอบชิงชนะเลิศ

“ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ จากพรรคพลังท้องถิ่นไทย กล่าวว่า ฟุตบอลกระชับมิตรเป็นการที่ 8 พรรคการเมืองเรามาโชว์สปิริตเพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าในอนาคตพวกเรากลุ่มคนรุ่นใหม่สามารถทำงานร่วมกันได้ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก เอากีฬาเป็นตัวกลางในการให้เรารู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ซึ่งหลังจากจบเกมแล้วทุกคนก็เป็นเพื่อนกัน

ด้านศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. พันธ์ยศ อัครอมรพงษ์ เลขาธิการพรรคภราดรภาพ เปิดเผยว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีของพรรคการเมืองทั้งหมดที่มาร่วมงาน ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมความสามัคคีและถือว่าคนรุ่นใหม่ๆได้มีกิจกรรมใหม่ๆจะทำให้การเมืองบ้านเรามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี

นางสาวเยาวภา บุรพลชัย โฆษกพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาในวันนี้ถึงแม้พรรคชาติพัฒนาจะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ แต่สมาชิกพรรคทุกคนก็ตั้งใจกันอย่างเต็มที่ และทุกคนสนุกสนานมากๆ เมื่อจบการแข่งขันก็ได้พูดคุยกับเพื่อนๆต่างพรรคการเมือง ถือเป็นบรรยากาศที่ดีในการสร้างความสามัคคีของนักการเมือง และขอแสดงความยินดีกับ พรรคประชาชาติ ที่สามารถคว้าแชมป์ในครั้งนี้ และหวังว่าจะมีการจัดการแข่งขันดีๆ แบบนี้อีก

ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม จาก NEW DEM กลุ่มคนรุ่นใหม่จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราได้เชิญชวนพรรคการเมืองให้เข้ามาร่วมกันกิจกรรมนี้ประมาณกว่า 1 เดือน และวันนี้มี 8 พรรคเข้ามาร่วมกัน บางคนอาจจะถามว่าทำไปทำไมก็คงตอบได้ว่าในเมื่อเรากำลังจะปรับตัวเข้าไปในระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองก็ต้องเตรียมตัวที่จะลงแข่งขันเลือกตั้งที่มาจะถึงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปีหน้า ซึ่งเราก็อยากจะสร้างประชาธิปไตยที่สร้างสรรค์เป็นประชาธิปไตยที่แข่งขันกันแต่ว่าไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง

“ในอนาคตถ้ามีคนจากพรรคการเมืองไหนที่เข้าไปนั่งในรัฐสภา ก็ถือเป็นตัวแทนของประชาชน และถ้าคุณเห็นด้วยกับนโยบายแม้ว่าจะเสนอโดยอีกฝ่ายหนึ่ง หรือว่าแม้กระทั่งคนหนึ่งอยู่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลก็จะต้องทำงานร่วมกันได้ กรณีต่างประเทศก็จะมีความร่วมมือกันในการผลักดันกฎหมายหลายๆ อย่างทั้งพรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ผมก็มองว่าในเมื่อเราจะได้มีโอกาสมาทำงานร่วมกันเป็นกรณีไปในนโยบายต่างๆ วันนี้ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีทำความรู้จักกันก่อน” นายพริษฐ์ กล่าว









