
ประเด็นคือ – รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุหากการท่าเรือแห่งประเทศไทยสามารถแก้ปัญหาโอทีได้เชื่อว่า จะทำให้การท่าเรือเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดี พร้อมสั่งการให้ศึกษาการลดจำนวนการขนถ่ายสินค้าบริเวณท่าเรือกรุงเทพ เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจร
ภายหลังการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือ กทท. นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้เร่งรัดโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้เป็นไปตามแผนงาน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า แต่หากก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 5-7 ปี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนถ่ายสินค้าได้จากปัจจุบันที่ขนถ่ายสินค้าได้ปีละ 7 ล้านตู้ เป็นปีละ 10 ล้านตู้

ขณะเดียวกันยังให้วางแผนศึกษาการลดจำนวน การขนถ่ายสินค้าบริเวณท่าเรือกรุงเทพ จากเดิมที่ขนถ่ายปีละ 1.5 ล้านตู้ เพื่อลดผลกระทบด้านการจราจร และพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือพื้นที่สีเขียว รวมทั้งศึกษาเส้นทางเลี่ยงของรถบรรทุกสินค้าที่จะเข้าบริเวณท่าเรือ วันละกว่า 1 หมื่นเที่ยว เบื้องต้น จะใช้เส้นทางเชื่อมจากทางพิเศษบูรพาวิถี ไปยังบริเวณนิคมอุตสาหกรรม ถนนพระรามสอง เพื่อลดความหนาแน่นของการจราจรบริเวณพื้นราบ

สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า ได้สั่งการให้การท่าเรือฯ หารือร่วมกับกรมเจ้าท่า เพื่อโอนย้ายท่าเรือบริเวณชายฝั่งทะเล ที่ยังไม่มีผู้บริหารจัดการ 4 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือคลองใหญ่ จังหวัดตราด ท่าเรือศาลาลอย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่าเรือคลองวาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และท่าเรือนครพนม จังหวัดนครพนม มาให้การท่าเรือฯบริหารจัดการเองเพื่อกระจายจุดขนส่งสินค้าไปยังภูมิภาคได้มากขึ้น
ส่วนปัญหาการเบิกจ่ายค่าล่วงเวลาของพนักงานการท่าเรือฯ นั้น ได้ให้แนวคิดในการปรับปรุงระบบการบริการจัดการให้ดีขึ้น เชื่อว่าปัญหาต่างๆ จะสามารถคลี่คลายได้ และจะทำให้การท่าเรือเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดี









