
คุณภาพอากาศ 9 ก.พ. จังหวัดขอนแก่นยังน่าห่วงเจอทั้งฝุ่น PM 2.5 และ PM 10 เกินค่ามาตรฐาน นายกฯ ขอทุกฝ่ายช่วยกันแก้ปัญหาฝุ่นละออง อย่าแค่ติติงให้ร้าย-ไม่เกิดประโยชน์
ผลตรวจวัดคุณภาพอากาศของกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ประจำวันที่ 9 ก.พ. 2562 เวลา 07.00 น. พื้นที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน มีค่า 94 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) อยู่ในเกณฑ์ มีผลกระทบต่อสุขภาพ (เกินค่ามาตรฐานที่ 50 มคก./ลบ.ม.) นอกจากนี้ ยังพบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน มีค่า 148 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรด้วย ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรมควบคุมมลพิษ แนะนำประชาชนสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเด็ก คนชรา หญิงมีครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวในกลุ่มโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (ออกอากาศ วันที่ 8 ก.พ. 62) ถึงปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ว่า การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากทุกคนช่วยกัน ดีกว่ามีติติงให้ร้ายไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศ AQI ในปัจจุบัน เป็นภาพรวมของฝุ่นทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดย PM 2.5 จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพกับคนทั่วไปใน 10-20 ปีข้างหน้า แต่อาจจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพของประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้ง่าย
แหล่งที่มาของ PM 2.5 ในกรุงเทพฯ เกิดจากไอเสียของรถยนต์ที่เติมน้ำมันดีเซลที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์กว่า 50 % เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ๆ ที่มีการจราจรหนาแน่น นอกจากนี้มาจากเผาขยะ ชีวมวลอีก 35 % รวมทั้งการเผาในไร่อ้อย ข้าว ข้าวโพด ซึ่งตนแนะนำให้ใช้การไถกลบแล้วใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์EM จะช่วยเพิ่มสารอาหารในดินและไม่สร้างมลพิษฝุ่นละออง อย่างไรก็ตาม ที่มาของฝุ่นบางส่วนเกิดจากเขตก่อสร้าง, โรงงานที่มีกว่าแสนแห่ง แต่ที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยง 1,700 แห่ง โดยมี 600 แห่งที่จะต้องปรับปรุงด่วน ส่วนกิจกรรมอื่นๆ เช่น จุดธูป เทียน สูบบุหรี่ก็ควรลดลง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า จากวิกฤตฝุ่นละอองนี้ทุกคนได้รับผลกระทบทั้งหมด การที่รัฐบาลจะออกมาตรการอะไรออกไป ก็ต้องเห็นใจเกษตรกร ธุรกิจเอกชน ต้องคำนึงถึงส่วนรวม แม้แต่การปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะรถบรรทุกที่ขนส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นต้องผ่านกรุงเทพฯ ไปจังหวัดอื่นๆ ได้รับผลกระทบทุกมิติ แต่ภายใต้วิกฤตต่างๆ ในประเทศไทยก็ได้เห็นความร่วมแรงร่วมใจ ระดมสมอง ความคิดในการแก้ปัญหาอย่างน่าประทับใจ ทั้งนี้รัฐบาลจะเร่งระบบขนส่งมวลชนสาธารณะให้เชื่อมโยงทุกระบบตามแผนที่ได้กำหนดไว้ ให้เป็นทางเลือกในการเดินทางแทนรถยนต์ส่วนบุคคล และเร่งรัดการเปลี่ยนรถโดยสารของขสมก. ให้เป็นรถยนต์ที่มีมลพิษต่ำ เป็นต้น

ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้เชิญชวนประชาชน ชมการพัฒนา “ยานยนต์ไฟฟ้า” ส่วนหนึ่งของมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นละอองระยะยาว และการดัดแปลงรถยนต์ที่ใช้แล้ว เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในราคาไม่เกิน 200,000 บาท หรือถูกลงอีก เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่จะซื้อรถใหม่ นอกจากนี้ เอกชนรายหนึ่งกำลังจะเปิดตัว “ควายทอง” รถเมล์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย ที่จะเข้ามาเติมเต็มระบบขนส่งมวลชนที่นอกจากประหยัด ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งอีกไม่นานก็จะออกมาวิ่งสู่ท้องถนนกันแล้ว แต่ขอให้ดูเรื่องมาตรฐานให้ดีที่สุด แต่แพงที่สุดในรถยนต์ไฟฟ้าคือ แบตเตอร์รี่ ซึ่งเราต้องเร่งพัฒนาให้เร็วที่สุด เรากำลังพัฒนาใน EEC









